- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หลังถูกกดดันจากภาวะการซื้อขายที่ซบเซา เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน และอุปทานน้ำมันดิบที่ยังคงล้นตลาด
  - นักวิเคราะห์จากบริษัท Morgan Stanley คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบจะขยับตัวลดลงไปสู่ระดับ 20-25 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เนื่องจากค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว ประกอบกับตลาดหุ้นจีนที่ลดลงอย่างหนัก ได้สร้างความกังวลเพิ่มเติมต่อเศรษฐกิจจีน ซึ่งมีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อการเติบโตของอุปสงค์ในจีน เนื่องจากจีนเป็นประเทศผู้บริโภคน้ำมันดิบรายใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก
  - นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากสภาวะอุปทานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ยังคงยืนยันว่าจะยังคงดำเนินการผลิตน้ำมันดิบต่อ แม้ว่าราคาน้ำมันจะลดต่ำลงก็ตาม ขณะเดียวกันทางด้านกลุ่มประเทศโอเปกยังไม่มีแนวโน้มที่จะลดกำลังการผลิตในขณะนี้
  - ราคาน้ำมันดิบยังได้รับผลกระทบจากการเตรียมส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจากอิหร่าน หลังชาติตะวันตกยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรจากการยุติโครงการนิวเคลียร์ในอิหร่าน โดยประธานาธิบดีอิหร่านยืนยันว่าอิหร่านมีความพร้อมที่จะส่งออกน้ำมันดิบในเร็วนี้ และคาดการณ์ว่าจะได้รับการประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการจากชาติตะวันตกภายในเดือน ม.ค. นี้
  + ในสภาวะราคาน้ำมันดิบที่ตกต่ำส่งผลให้สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) คาดการณ์ว่ากำลังการผลิตน้ำมันดิบชั้นหินดินดาน (shale oil) ในสหรัฐฯ จะปรับลดลงในเดือน ก.พ. ไปอยู่ที่ระดับ 638,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งนับเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเวลา 7 เดือนติดต่อกัน

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังโรงกลั่นน้ำมันในไต้หวันเริ่มส่งออกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซินถูกกดดัน อย่างไรก็ดี ตลาดยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์ในจีนที่ยังคงแข็งแกร่ง
  ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตลาดน้ำมันดีเซลในภูมิภาคเอเชียยังถูกกดดัน เนื่องจากอุปทานส่วนเกินในภูมิภาคยังไม่สามารถระบายออกไปยังทวีปยุโรปได้ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีแรงซื้อจากประเทศเวียดนามอย่างต่อเนื่องช่วยหนุนตลาดอยู่

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
  ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 31-37 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
  ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 31-37 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

  เศรษฐกิจจีนยังคงส่งสัญญาณชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดหุ้นจีนต้องยุติการซื้อขายหุ้นลงในช่วงครึ่งวันแรก (4 ม.ค.) หลังจากดัชนีปรับตัวลดลงกว่าร้อยละ 7 จนต้องมีลั่นสัญญาณ “เซอร์กิต เบรกเกอร์” หรือมาตรการหยุดการซื้อขายชั่วคราวครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ความขัดแย้งระหว่างประเทศซาอุดิอาระเบียและอิหร่านที่ทวีความรุนแรงขึ้นอาจส่งผลให้ความร่วมมือในการที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันดิบตกต่ำภายในกลุ่มโอเปกลดน้อยลง และทำให้ตลาดยังคงเผชิญกับภาวะอุปทานล้นตลาดต่อไป
  อิหร่านมีแนวโน้มส่งออกน้ำมันดิบสู่ตลาดโลกมากขึ้น หลังจากได้รับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรจากชาติมหาอำนาจ อย่างไรก็ตาม อิหร่านระบุว่าการเพิ่มการส่งออกน้ำมันของอิหร่านหลังจากที่มีการยกเลิกการคว่ำบาตรต่ออิหร่านจะขึ้นอยู่กับอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกและจะไม่ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงไปมากกว่านี้