ตลาดโลกหุ้นเมื่อคืนนี้ (25 ม.ค.59) ได้รับผลกระทบจากแรงกดดันการร่วงลงของราคาน้ำมัน ที่ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงด้วย โดยดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดที่ 15,885.22 จุด ร่วงลง 208.29 จุด หรือ -1.29% ,ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,518.49 จุด ลดลง 72.69 จุด หรือ -1.58% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,877.08 จุด ลดลง 29.82 จุด หรือ -1.56%
ด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับลง 0.6% ปิดที่ 336.27 จุด, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 4,311.33 จุด ลดลง 25.36 จุด หรือ -0.58% ,ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ 9,736.15 จุด ลดลง 28.73 จุด หรือ -0.29% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 5,877.00 จุด ลดลง 23.01 จุด หรือ -0.39%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนแรงลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เนื่องจากภาวะการซื้อขายได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน ซึ่งฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง อาทิ หุ้นเอ็กซอน โมบิล และหุ้นเชฟรอน ร่วงลงกว่า 3% ,หุ้นโคโนโคฟิลิปส์ ร่วงลง 9.2% หลังมีรายงานบริษัทอาจลดการจ่ายเงินปันผลลงอย่างน้อย 75%
สาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันร่วงลงมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่สูงเกินไป รวมทั้งความเป็นไปได้ที่ว่า อิหร่านอาจจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น หลังจากนานาประเทศประกาศยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 1.85 ดอลลาร์ หรือ 5.8% ปิดที่ 30.34 ดอลลาร์/บาร์เรลสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค.ดิ่งลง 1.68 ดอลลาร์ หรือ 5.2% ปิดที่ 30.5 ดอลลาร์/บาร์เรล
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูการประชุมเฟด ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยคณะกรรมการเฟดยืนยันว่าจะเดินหน้าจัดการประชุมต่อไป ถึงแม้สหรัฐกำลังเผชิญสภาพอากาศแปรปรวนจากพายุหิมะก็ตาม ทั้งนี้เฟดจะเริ่มการประชุม 2 วันในวันนี้และจะสิ้นสุดในวันพรุ่งนี้ โดยจะมีแถลงการณ์การประชุมออกมาเวลา 14.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 02.00 น. ของเช้าวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ และอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. แต่ก็จะขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจที่เฟดได้รับก่อนการประชุมดังกล่าว
ด้านตลาดหุ้นยุโรป หุ้นกลุ่มพลังงานนำโดยหุ้นซีดริลล์ ซึ่งเป็นบริษัทส่งออกน้ำมันรายใหญ่ระดับโลก ร่วงลงถึง 8.9% ,หุ้นสแตทออยล์ ร่วงลง 3% และหุ้นบีพี ลดลง 0.7%
นอกจากปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันแล้ว ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับปัจจัยลบจากหุ้นกลุ่มธนาคารของอิตาลีร่วงลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่า ภาคธนาคารของอิตาลีกำลังเผชิญกับปัญหาหนี้เสีย โดยหุ้นธนาคารบังคา ป๊อปปูเลร์ ดา มิลาโน และหุ้นยูนิเครดิต ร่วงลงกว่า 6%
ข่าวเด่น