สภาวะตลาดวันที่ 26 มกราคม 2559 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,107.57 -1,117.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,950 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 100 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,850 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFG16 อยู่ที่ 19,050 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 90 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,960 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.32 น.ของวันที่ 26/01/16)
แนวโน้มวันที่ 27 มกราคม 2559
ราคาน้ำมันดิ่งลงอีกครั้งหลังจากโฆษกกระทรวงน้ำมันของอิรักเปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันของอิรักจากแหล่งน้ำมันในภาคกลางและภาคใต้เพิ่มขึ้นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์และซาอุดิอาระเบียประกาศว่าจะดำเนินการลงทุนในด้านพลังงานต่อไป ประเด็นดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนกต่อนักลงทุน และบ่งชี้ว่าสถานการณ์ภาวะน้ำมันล้นตลาดอาจจะคงอยู่ต่อไป ซึ่งทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และทำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งส่งผลบวกต่อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยซึ่งเคลื่อนไหวส่วนทางกับสินทรัพย์เสี่ยง เห็นได้จากตลาดหุ้นจีนทรุดลงกว่า 6% มาที่ระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน หลังจากที่ราคาน้ำมันร่วงลง ขณะที่ราคาทองคำทะยานขึ้นสร้างระดับสูงสุดครั้งใหม่ในเดือนมกราคม
ทั้งนี้ ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วโลกอาจจะจำกัดโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ได้น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งสอดคล้องกับผู้กำหนดนโยบายในธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) กล่าวว่า การดิ่งลงของราคาน้ำมันจะเปิดโอกาสให้บีโออีมีเวลานานขึ้นอีกเล็กน้อย ก่อนที่จะตัดสินใจว่า ตลาดแรงงานอยู่ในภาวะตึงตัวมากพอที่จะสนับสนุนให้บีโออีปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ยิ่งสร้างแรงซื้อเข้ามายังตลาดทองคำและทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเฟดจะปรับเลื่อนเวลาที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป ซึ่งสร้างแรงซื้อเข้ามายังตลาดทองคำแต่อย่างไรก็ตาม เมื่อราคาขยับขึ้นยังคงมีแรงขายทำกำไรออกมาเนื่องจากนักลงทุนใช้ความระมัดระวังในการลงทุนก่อนที่เฟดจะประกาศผลการประชุมออกมาในคืนวันพุธเวลาราว 02.00 น.ตามเวลาไทย
สำหรับมุมมองของวายแอลจีที่มีต่อราคาทองคำนั้น ประเมินว่าหากราคาทองคำขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,122-1,127 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากไม่สามารถผ่านไปได้อาจทำให้ราคาเกิดการอ่อนตัวลง แต่หากการอ่อนตัวของราคาทองคำยังคงสามารถยืนเหนือโซนบริเวณ 1,106-1,096 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ โดยราคาทองคำยังมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีแนะนำ สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำในมือ แนะนำให้ลงทุนระยะสั้นโดยรอซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงไปบริเวณแนวรับที่ 1,106 หรือ 1,096 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้น โดยราคาทองคำมีลักษณะการแกว่งตัวในระยะสั้นเพื่อสะสมกำลังแบบ Sideway โดยมีการทรงตัวรักษาระดับไว้ น่าจะพอทำให้ในระยะสั้นนี้ราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบ โดยหากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านได้อย่างแข็งแกร่ง นักลงทุนยังต้องระมัดระวังแรงขายทางเทคนิคและนักลงทุนควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาหลุดบริเวณแนวรับ เพื่อลดความเสียหายของพอร์ทการลงทุน ในขณะที่นักลงทุนที่มีทองคำในมือ ให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวหรือไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,122-1,127 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แล้วรอไปซื้อคืนบริเวณแนวรับสำคัญ
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,106 (18,780บาท) 1,096 (18,610บาท) 1,091 (18,530บาท)
แนวต้าน 1,122 (19,060บาท) 1,127(19,140บาท) 1,135 (19,280บาท)
GOLD FUTURES (GFG16)
แนวรับ 1,106 (18,930บาท) 1,096 (18,760บาท) 1,091 (18,670บาท)
แนวต้าน 1,122 (19,200บาท) 1,127(19,290บาท) 1,135 (19,420บาท)
ข่าวเด่น