คำแนะนำ
   

เสี่ยงซื้อในบริเวณ $1,109-$1100(ตัดขาดทุนหากหลุด $1,100) ทั้งนี้ควรพิจารณาการแกว่งตัวของค่าเงินบาทประกอบการตัดสินใจลงทุน

ทองคำ
  

แนวรับ 1,109 1,100 1,093
  

แนวต้าน 1,125 1,137 1,140

ปัจจัยพื้นฐาน
   

ราคาทองคำในรอบสัปดาห์แกว่งตัวในกรอบประมาณ 30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยปิดปรับตัวขึ้นไป 20.18 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยประเด็นที่ผลักดันราคาทองคานั้นอยู่ที่การประชุมของเอฟโอเอมซี ซึ่งสรุปได้ว่ายังคงอัตราดอกเบี้ยต่อไป และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม เพื่อนามาประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตลาดแรงงานและอัตราเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตามเฟดยังคงประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะสามารถปรับตัวดีขึ้นจนสามารถทาให้อัตราเงินเฟ้อไปอยู่ในจุดที่วางไว้ที่ 2% สาหรับราคาทองคาในประเทศปรับตัวขึ้นน้อยกว่าราคาทองคำในตลาดโลกอย่างชัดเจนจากการแข็งค่าของเงินบาทซึ่งอาจเกิดขึ้นต่อไปในช่วงนี้ ดังนั้นนักลงทุนจึงจำเป็นต้องติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิด

ปัจจัเทคนิค
  

ราคาทองคำไม่หลุด 1,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทาให้แรงซื้อยังคงเกิดขึ้น เบื้องต้นประเมินแนวต้านในบริเวณ 1,125-1,137 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แนวรับนั้นใช้จุดต่ำสุดในวันศุกร์ในบริเวณ 1,109 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นแนวรับ หากหลุด โซน 1,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์จะเป็นแนวรับสาคัญ

กลยุทธ์การลงทุน
  

การเข้าซื้ออาจรอในโซน 1,109-1,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่การเปิดสถานะขายอาจต้องชะลอออกไปหากราคาสามารถยืนเหนือ 1,125 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้

ข่าวสารประกอบการลงทุน
  

(+) สหรัฐเผยจีดีพีไตรมาส 4 ชะลอตัวสู่ 0.7% หลังส่งออกวูบ,น้ามันร่วง กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เบื้องต้นสาหรับไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ขยายตัวเพียง 0.7% โดยลดลงจาก 2.0% ในไตรมาส 3 และต่ากว่าระดับ 3.9% ในไตรมาส 2 การชะลอตัวของจีดีพีดังกล่าวมีสาเหตุส่วนหนึ่งจากการดิ่งลงของการส่งออก ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และอุปสงค์โลกที่อ่อนแอ นอกจากนี้ ราคาน้ามันที่ทรุดตัวลงได้กดดันการลงทุนของบริษัทในภาคพลังงาน ขณะที่สภาพอากาศที่อบอุ่นในฤดูหนาวส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค การชะลอตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 4 สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ ส่วนในปี 2015 เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 2.4% หลังจากมีการขยายตัวที่อัตราเดียวกันในปี 2014
   

(+) ผลสารวจม.มิชิแกนชี้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงในเดือนม.ค. ผลสารวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นขั้นสุดท้ายของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงในเดือนม.ค. แตะระดับ 92 หลังจากรายงานตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 93.3 ดัชนีความเชื่อมั่นแตะระดับ 92.6 ในเดือนธ.ค. นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐจะอยู่ที่ระดับ 93 ในเดือนม.ค. ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นลดลงในเดือนม.ค. โดยถูกกระทบจากตลาดหุ้นที่มีความผันผวน
    

(+/-) กสิกรฯคาดเงินบาทสัปดาห์กรอบ35.50-35.90 จับตาตัวเลขเงินเฟ้อม.ค.ผลประชุม กนง. ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินค่าเงินบาทสาหรับสัปดาห์ (1-5 ก.พ.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 35.50-35.90 บาท/ดอลลาร์ฯ โดยอาจต้องจับตารายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค. ของไทย และผลการประชุมนโยบายการเงินของธปท. ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สาคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราการว่างงานเดือนม.ค. รายจ่ายด้านการก่อสร้าง ยอดสั่งซื้อของโรงงาน รายได้ส่วนบุคคล ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ เดือนธ.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนน่าจะยังให้ความสนใจกับทิศทางกิจกรรมภาคการผลิตและภาคบริการที่สะท้อนจากดัชนี PMI ของหลายๆ ประเทศ (โดยเฉพาะจีน) ด้วยเช่นกัน
    (+/-)ทีเอ็มบีฟันธงกนง.คงดอกเบี้ย1.50%จับตาศก.จีนชะลอตัวกดดันส่งออกไทย ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics ประเมินว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ในการประชุมวันที่ 3 กุมภาพันธ์นี้ หลังเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณบวกมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงทางด้านลบ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ในระยะต่อไปเศรษฐกิจไทยจะต้องเผชิญกับหลากหลายความเสี่ยง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและทิศทางของอัตราดอกเบี้ย ความเสี่ยงแรกได้แก่ การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน ซึ่งจะส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อการส่งออกของไทย ดังนั้น หากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงมากกว่าคาด การส่งออกของไทยก็มีแนวโน้มจะหดตัวลงมากกว่าที่มีการประเมินไว้เช่นกัน
   

(+/-)ธปท.ประเมินจีดีพีปีนี้โต3.5% พบดุลบัญชีเดินสะพัดปี'58พุ่งสูงสุดประวัติการณ์ "แบงก์ชาติ" ยันไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด แม้เงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ในระดับต่า พร้อมเปิดตัวเลขปี'58 ส่งออกติดลบ 5.6% ดุลการค้าเกินดุล 3.45 หมื่นล้านดอลล์ นางรุ่ง มัลลิกะมาส ผู้อานวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยว่า ในขณะนี้ ธปท. ยังมีมุมมองว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี ในปีนี้ จะอยู่ที่ 3.5% เนื่องจาก ที่ผ่านมา ธปท.ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ไว้แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ให้จับตาการประกาศตัวเลขของ ธปท. อย่างเป็นทางการ อีกครั้งในช่วงปลายเดือน ก.พ.นี้ ส่วนการส่งออกปี 2558 พบว่าทั้งปีติดลบ 5.6% โดยหดตัวสูงจากผลของราคาที่หดตัวตามราคาน้ามันดิบ และปริมาณที่หดตัวตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและอาเซียน และผลของฐานสูงในระยะเดียวกันของปีก่อน จากการเร่งส่งออก ไปยังตลาดยุโรปก่อนหมดสิทธิพิเศษทางภาษี