อิหร่านร่วมหนุนการพยุงราคาน้ำมันดิบ หนุนกลุ่ม Oil Related (STPI, BJCHI) ผสานหุ้น Earning เด่น (BWG)

Nomura : Key Factors         

    (+) Ex Factor : อิหร่านพร้อมให้ความร่วมมือที่จะหนุนเสถียรภาพของราคาน้ำมันดิบ
    (+) OIL: ราคาน้ำมันดิบ WTI +5.57% สู่ $/bbl / Brent +7.2% สู่ $34.5/bbl
    (+) Valuation: SET ปัจจุบันเทรด PER16F เพียง 13.21 เท่า ต่ำกว่าLT Avg PER 14.7 เท่า
    (+) TFEX: สถานะสะสมของต่างชาติใน TFEX ตั้งแต่ต้นปี-ปัจจุบันสูงถึง 88,435 สัญญา
    (*) Fund Flow: ต่างชาติซื้อ 2908 ลบ., Short Future 2853, ขาย Bond 1763 ลบ.
    (-/+) Ex Factor: FED minuteประเมินเศรษฐกิจ US ยังเสี่ยง อาจกระทบต่อการขึ้นดอกเบี้ย
    SET PER 16F: CNS 12.75x (EPS 101)  vs Cons.13.21x (LT-Avg 14.7x)
    2016 SET Target: CNS Base 1515 pts (EPS 101, PER15x)
    Nomura Daily Top Picks: STPI, BJCHI, BWG


Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ แกว่งขึ้น ในกรอบแนวต้าน 1301/1308 จุด และแนวรับ 1279/1274จุด ผลสืบเนื่องจากการประชุมระหว่าง 4ประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ (ซาอุดิอาระเบีย, รัสเซีย, เวเนซุเอล่าร์ และกาตาร์) ในวันที่ 16 ก.พ. ที่มีมติคงกำลังการผลิตไว้ที่ระดับเดียวกับเดือน มค. 2016 ซึ่งเป็นภาพบวกต่อราคาน้ำมันระยะกลาง-ยาว และเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของความพยายามแก้ปัญหาราคาน้ำมันต่ำ ก็เริ่มมีแรงหนุนต่อเนื่อง ล่าสุดรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของอิหร่าน (ประเทศผู้ผลิตอันดับ 3 ของกลุ่ม OPEC) ก็สนับสนุนต่อการสร้างเสถียรภาพของราคาน้ำมันดิบโลก ส่งผลให้ตลาดน้ำมันดิบโลกวานนี้มีแรงเก็งกลับมาอีกครั้ง โดยราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ +5.57% ปิดที่ระดับ 30.66 เหรียญต่อบาร์เรล และปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเช้านี้สู่ระดับ 31.45 เหรียญต่อบาร์เรล สอดคล้องกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ฟื้นแรงกว่า +7.2% สู่ระดับ 34.5 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่ม sentiment เชิงบวกต่อการฟื้นตัวของ Risky Asset ต่อเนื่อง ผสานกับประเด็นความกังวลต่อสถาบันการเงินยุโรปที่คลายความกังวลลงต่อเนื่อง สะท้อนจาก Credit Default Swap(CDS) ของ Deutsche BANK อายุ 5 ปี วานนี้ยังคงปรับลดลงต่อเนื่องอีก -11.958 bps สู่ระดับ 217.825 bps เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นแรงซื้อในสินทรัพย์เสียงอีกครั้ง และน่าจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อกลุ่มธนาคารในไทยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ด้าน Fund Flow ยังพบว่าต่างชาติวานนี้กลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยกว่า 2.9 พันล้านบาท โดยเป็นภาพของการเลือกซื้อหุ้น Big Caps เป็นรายหุ้น เช่น PTT, PTTEP, BBL ช่วยพยุงตลาด ประกอบกับแรงเก็งนโยบายผ่อนคลายของ ECB & BOJ ในเดือนมีคนี้ น่าจะทำให้ตลาดยังมีแนวโน้มเชิงบวก  นอกจากนี้เช้านี้ Nomura ออกบทวิเคราะห์ Thailand Banks โดยปรับเพิ่มน้ำหนักกลุ่มธนาคารเป็น Bullish จาก Neutral จาก 1) Valuation เข้าสู่จุดที่น่าสนใจ 2) ความกังวลทางด้านคุณภาพสินทรัพย์มีแนวโน้มผ่อนคลายลง 3) สินเชื่อภาคเอกชนเร่งตัวขึ้น เช่น การประมูล 4G และ การเทคโอเวอร์BIGC โดย BJC กระตุ้น Sentiment บวกต่อกลุ่ม Bank โดย Nomura เลือก KBANK, SCB และ BBL เป็น Top Picks และ เลือก TISCO KKP TCAP KTB และ BBL เป็นกลุ่มที่น่าสนใจในประเด็นปันผลสูงกว่า 5%

Asset allocation : หุ้น 70% ทองคำ 2.5% ตลาดบอนด์ 5% และเงินสด 22.5%

Short-Term Strategy :  เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการค่อยๆ ฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบในระยะกลาง-ยาว ส่วนในระยะ 1 เดือน ประเมิน Brent มีแกว่งขึ้นสู่ระดับ 38-40 เหรียญ หนุนให้กลุ่ม ENERG (PTT, PTTEP, PTTGC) นำตลาด แต่ในแง่การลงทุนแนะนำกลับมาเพิ่มน้ำหนักหุ้นที่ได้รับอานิสงค์บวกต่อการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบเนื่อง จะบวกต่อแผน LNG ในอนาคตSTPI, BJCHI เด่น รวมถึงกลุ่ม BANK (BBL, SCB, KTB)  ที่ Valuation ถูก และปันผลสูง รวมถึงหุ้นคาดกำไร 4Q15 แกร่ง (BWG, PS, TVT, ERW, CI, KAMART, TPCH, SAWAD, MTLS, SC, BCH) ยังคงแนะทยอยสะสม สำหรับวันนี้แนะนำ*Daily Top Picks: STPI, BJCHI, BWG*

*** วันนี้เวลา 13.00-14.15น. CNS จัดงานสัมนา “CNS Corporate Access” สำหรับลูกค้า CNS โดยเชิญผู้บริหารระดับสูงของ  TOG มาให้ข้อมูลแบบเจาะลึกเพื่อนักลงทุน

Mid-Long Term Strategy : คาด เดือน ก.พ. จะมีแรงหนุนของหุ้น Big Cap จากนโยบายการเงินผ่อนคลายของธนาคารกลางโลก สู่แนวต้าน 1337/1360จุด โดยสัปดาห์แรกของเดือน แนะนำทยอยขายทำกำไรเล่นรอบกลุ่ม ICT(ADVANC รายงานงบ 4 ก.พ. 2016 นี้, INTUCH) เนื่องจากราคา Rebound มาตอบรับปันผลเชิงบวกไปแล้ว ขณะที่ช่วงถัดเสี่ยงที่จะเข้าสู่การแข่งขันของธุรกิจ 4G ที่ดุเดือด ยกเว้นผู้ที่ต้องการถือลงทุนนานกว่า 1ปี ยังแนะนำถือหรือย่อซื้อลงทุนได้ โดยกลุ่มที่คาดว่าจะสลับมานำตลาดคือ BANK(BBL + KTB เด่นในฐานะ Laggard, ผสาน SCB, KBANK, TCAP) & ENERG(PTT, PTTEP, PTTGC) รับแนวโน้มราคาน้ำมันฟื้นตัวต่อเนื่อง ผสานหุ้นเด่นรับตรุษจีน BR, GFPT หรือเลือกต่อยอดหุ้นที่คาดกำไร 4Q15 เด่น (CI, QTC, KAMART, TPCH, SAWAD, MTLS, BCH) ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะ Underperform ในเดือนนี้   ICT( TRUE, JAS) และระมัดระวังหุ้นTASCO กรณีน้ำมันฟื้นตัวอาจถูกขายทำกำไร สำหรับ Portfolio Top picks FEB 16  BBL, BCH, SAWAD, PS, CI, ERW

Investment Theme:
. 2016 AEC Connectivity : WISE
       Wellness & discover Thainess: ERW, KAMART, BCH, BDMS
       Infrastructure: BBL, CK, AMATA. DCC
      Spending Recovery: ROBINS, CI, LH, TCAP
      Eco Friendly: SCC, KSL, BRR, NYT
. 1Q16 Top Picks  : ERW, BBL, ROBINS, BRR, LH, CPF

Fundamental & Tactical Daily Top Picks :
STPI (TP23.5*): Support 11.2/10.8 Resistance 12/13.3
  Theme: Oil Recovery
  Earning Outlook :  คาดกำไรสุทธิปี 16F ที่ระดับ 2.4 พันลบ. ทรงตัว y-y และปี 2016F มีเงินปันผล ณ ราคาปัจจุบันราว 3.8%
  Valuation : ราคาเป้าหมายปี 2016F ที่ 23.50 บาท Upside สูง 102.5% ราคาปัจจุบันอิง PER16F เพียง 7.8x
  Catalyst : ราคาน้ำมันดิบเริ่มทรงตัว ส่งจิตวิทยาเชิงบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง Oil-related หนุนการขยายกำลังผลิตก่อสร้างโรงผลิต LNG เพิ่มเติมในระยะถัดไป
 
BJCHI (TP9.3*): Support 6.3/6.1 Resistance 6.8/7.0
  Theme: Oil Recovery
  Earning Outlook : คาดกำไร 4Q15F ที่ 536 ลบ. +54%y-y,+28%q-q จากโครงการ TUPI ที่ก่อสร้างได้เร็วกว่าคาด หนุนกำไร 15F โต 29%y-y ที่ 1.3 พันลบ. ต่อเนื่องถึงปี 16F อีก 3.9% y-y ที่ 1.35 พันลบ.
  Valuation :  ปัจจุบันซื้อขายทีระดับ PER16F ต่ำเพียง  7.68x ต่ำกว่า  Mean ที่10.67x  Upside สูง 44%
  Catalyst : ราคาน้ำมันดิบเริ่มทรงตัว ส่งจิตวิทยาเชิงบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง Oil-related หนุนการขยายกำลังผลิตก่อสร้างโรงผลิต LNG เพิ่มเติมในระยะถัดไป
 
BWG (TP2.5*): Support 1.74/1.71 Resistance 1.8/1.85
  Theme: WISE – Eco Friendly
  Earning outlook: คาดกำไรสุทธิปี 2016F ที่ระดับ 307 ลบ. เติบโต 10.7% y-y จากการ COD โรงไฟฟ้าขยะที่ 1 กำลังการผลิต 8 MW ในช่วง 4Q16F
  Valuation: ปัจจุบันซื้อขาย PER 16F ที่ระดับ 18.5x อยู่ที่ระดับ +0.5SD ก่อนที่จะลดเหลือ 12x ในปี 2018F ที่มีการบันทึกกำไรจากโรงไฟฟ้าขยะสองโรง (16 MW) เต็มปี
  Catalyst: กรมควบคุมมลพิษเตรียมยื่นเสนอแบบร่าง แผนจัดการขยะมูลฝอยของประเทศเข้าที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมวันที่ 19 ก.พ.59 และเสนอให้ครม.บังคับใช้ในลำดับถัดไป คาดแล้วเสร็จในช่วงเม.ย.59