ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเมินกรอบแกว่ง SET INDEX วันนี้ ระหว่าง 1,280-1,290 จุด


กลยุทธ์วันนี้
Selective Buy
ตลาดหุ้นวานนี้:

  ตลาดหุ้นไทยวานนี้ SET INDEX เปิดซึมตัวลงสู่แนว 1,275 จุด ก่อนที่จะเริ่มฟื้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยหุ้น AOT / PTT / BBL ช่วยประคองภาพรวมของ SET INDEX ทำให้ SET INDEX แกว่งแคบ 1,280 จุด +/- อย่างไรก็ตาม SET INDEX เริ่มฟื้นตัวในช่วงท้ายตลาดนำโดยกลุ่มพลังงาน / กลุ่มธนาคาร ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ลบเพียง 0.89 จุด มาอยู่ที่ 1,288.47 จุด มูลค่าการซื้อขาย 44,949 ล้านบาท
ต่างชาติเลือกที่จะซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 มากถึง 2,909 ล้านบาท แม้ว่าจะ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 2,853 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ 1,763 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
  รายงานประชุมเฟดเดือนม.ค. เริ่มให้ความเสี่ยงกับเศรษฐกิจโลก และความผันผวนของตลาดเงินมาเป็นปัจจัยร่วมในการพิจารณานโยบายการเงิน
  อิหร่านเห็นชอบกับเวเนซุเอล่าและกาต้าร์ ร่วมมือจำกัดกำลังการผลิตไม่เกินการผลิตในเดือนม.ค. ทำให้ราคาน้ำมันดิบ NYMEX กลับมายืนเหนือ US$30/barrel อีกครั้ง
  CK กล่าวถึงการปรับแผนก่อสร้างโครงการไซยะบุรีเพิ่มเติม ทางรัฐบาลลาวจะปรับสัญญาสัมปทานเป็นการชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น โดย CK จะได้รับงานก่อสร้างส่วนนี้เพิ่มเติม
  STEC รายงานกำไรปกติ 4Q58 อยู่ที่ 163 ล้านบาท (-40%QoQ, -56%YoY) แต่มีรายการพิเศษ 448 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 611 ล้านบาท (+126%QoQ, +64%YoY)

มุมมองต่อตลาด
  เราประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX วันนี้ระหว่าง 1,280-1,290 จุด กลุ่มพลังงาน / ปิโตรเคมี จะยังเป็นกลุ่มที่ช่วยประคองภาพ SET INDEX ในช่วงสั้นนี้ และสิ่งที่น่าจับตามองคือ การกลับมาซื้อสุทธิหนาแน่นของต่างชาติวานนี้ หากต่างชาติทยอยสะสมหุ้นหลักของไทยต่อเนื่อง เชื่อว่าจะเป็นตัวแปรเชิงบวกต่อจิตวิทยาการลงทุน ซึ่งเหตุผลที่สนับสนุนการเข้าเก็งกำไรของต่างชาติในมุมมองของเราคือ
Valuation ของตลาดหุ้นไทย สูงเป็นระดับที่ 5 ในเอเชีย ด้วย PER59 เท่ากับ 13.22x และ 11.78x PER60 แต่ต่ำสุดในกลุ่ม TIP
ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย 3.57% สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลอด 5 ปี ที่ 3.31% และหากพิจารณาเป็นรายหลักทรัพย์จะพบว่า หุ้นหลักหลายๆ หลักทรัพย์มีผลตอบแทนจากเงินปันผลงวดนี้สูงกว่า 4%
  ทิศทางค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มทรงตัว สอดคล้องกับทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อรอผลการประชุมเฟดในต้นเดือนมี.ค.
  ขณะที่การชี้แจงของ CK ต่อกรณีโครงการไซยะบุรีค่ำวานนี้ เชื่อว่าจะเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุน โอกาสเกิด Technical rebound ของ CK อีกทั้ง STEC รายงานกำไรสุทธิใน 4Q58 ออกมาดีกว่าคาดอย่างมีนัยยะสำคัญ ช่วยทำให้กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ปรับตัวลงแรงกว่า 2% วานนี้จะฟื้นตัวไปในทิศทางเดียวกันได้
  สำหรับปัจจัยต่างประเทศคือ รายงานการประชุมเฟดเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ส่งสัญญาณกังวลต่อเศรษฐกิจโลก และความผันผวนของตลาดเงินมากขึ้น แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐฯ จะดีขึ้น แต่การใช้จ่ายและภาคการผลิตกลับทำให้ผิดหวัง อันเป็นที่มาของการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนม.ค. ขณะที่ Fed Fund Rate Probability ล่าสุด พบว่า เฟดจะไม่สามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ภายในปีนี้ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาดต่อเนื่อง ภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่เติบโตต่ำกว่าที่เคยประเมินในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด

กลยุทธ์การลงทุน
  เราแนะนำให้ “นักลงทุนถือพอร์ตเก็งกำไรต่อเนื่อง เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,290-1,300 จุด ในรอบสั้นก่อนวันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทยในต้นสัปดาห์หน้า”


Speculative Buy: CK/ PTTGC


บันทึกโดย : วันที่ : 18 ก.พ. 2559 เวลา : 11:19:29

17-06-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ June 17, 2024, 8:10 pm