ตลาดหุ้นโลกปิดเมื่อคืนนี้ (23 ก.พ.59) รับปัจจัยลบอย่างแรงจากซาอุดิอาระเบียไม่มีแผนลดกำลังการผลิตน้ำมัน ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงมาก และส่งผลต่อภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรปที่ดัชนีต่างปรับตัวร่วงลงแรง
โดยดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดที่ 16,431.78 จุด ร่วงลงถึง 188.88 จุด หรือ -1.14% ,ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,503.58 จุด ลดลง 67.02 จุด หรือ -1.47% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,921.27 จุด ลดลง 24.23 จุด หรือ -1.25%
ส่วนตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.2% ปิดที่ 327.78 จุด,ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 4,238.42 จุด ลดลง 60.28 จุด หรือ -1.40%,ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ 9,416.77 จุด ร่วงลง 156.82 จุด หรือ -1.64% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 5,962.31 จุด ลดลง 75.42 จุด หรือ -1.25%
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เมื่อคืนนี้ ดิ่งลงไปกว่า 4% หลังนายอาลี อัล-ไนมี รมว.น้ำมันของซาอุดิอาระเบีย กล่าวซาอุดิอาระเบียยังไม่มีแผนที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน โดยควรให้ราคาปรับตัวตามกลไกตลาด แม้จะทำให้ผู้ผลิตน้ำมันบางรายต้องปิดกิจการลงก็ตาม
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากความผันผวนของข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองในเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2015 สู่ระดับ 5.47 ล้านยูนิต
ขณะที่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาริชมอนด์ ระบุ ดัชนีภาวะธุรกิจในปัจจุบันของภาคการผลิตร่วงลงสู่ระดับ -4 ในเดือนก.พ.หลังอยู่ระดับ 2 เมื่อเดือนม.ค. เพราะได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และอุปสงค์ที่อ่อนแอ รวมทั้งการดิ่งลงของราคาพลังงาน
ข่าวเด่น