นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม แถลงถึงการเผยแพร่บทวิเคราะห์การพิจารณาคดี ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในคดีหมายเลขดำ ที่ อม.22/2558 กรณีปล่อยปละละเลยไม่ระงับยับยั้งการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งโจทก์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 ว่า
ขณะนี้ได้มีการนำคำให้การพยานในคดีไปวิเคราะห์ในสื่อสิ่งพิมพ์หรือเผยแพร่ออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียง อันมีลักษณะที่เป็นการชี้นำหรือบิดเบือนให้ผิดไปจากข้อเท็จจริง นอกจากนี้ ยังมีพยานบางปากได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อในรูปแบบต่าง ๆ เกี่ยวกับคดีในระหว่างที่การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยังไม่เสร็จสิ้น สำนักงานศาลยุติธรรมขอเรียนว่า การเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความคืบหน้าในการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลเป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้
อย่างไรก็ตาม บรรดาข้อความหรือความเห็นที่อาจก่อให้เกิดอิทธิพลเหนือความรู้สึกของประชาชน หรือเหนือคู่ความหรือเหนือพยานในคดี หรืออาจทำให้สาธารณชนเข้าใจว่าข้อความหรือความเห็นนั้นมีอิทธิพลต่อการพิจารณาคดีของศาล ซึ่งอาจทำให้การพิจารณาคดีเสียความยุติธรรมไป โดยเฉพาะข้อมูลที่ผิดไปจากข้อเท็จจริงแห่งคดี การรายงานหรือการย่อเรื่องหรือ การวิพากษ์เกี่ยวกับกระบวนพิจารณาอย่างไม่เป็นกลาง ไม่ถูกต้อง หรือโดยไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการดำเนินคดีของคู่ความ หรือคำพยานหลักฐาน รวมทั้งการแถลงข้อความที่ทำให้เสื่อมเสียต่อชื่อเสียงของคู่ความหรือพยาน แม้ว่าข้อความเหล่านั้นอาจเป็นความจริงหรือการชักจูงให้เกิดมีคำพยานเท็จ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถกระทำได้และอาจเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 32 (2)
จึงขอความร่วมมือผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายงดการวิเคราะห์หรือให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่าง ๆ อันอาจมีผลกระทบต่อการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลและอาจทำให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริงที่ถูกต้องในคดีดังกล่าว
ข่าวเด่น