นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาเรื่องการปรับขึ้นค่าโดยสารรถแท็กซี่มิเตอร์ ระยะที่สองเมื่อ4มี.ค.ว่า
เบื้องต้นมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่ตามระยะทางใหม่ เป็นการปรับอัตราค่าโดยสารแท็กซี่ระยะสองคาดว่าจะปรับขึ้นมากกว่า 5% แต่ตัวเลขที่ชัดเจนจะต้องรอให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พิจารณาเห็นชอบก่อน หลังจากนั้นจะออกประกาศกระทรวง พร้อมกับลงราชกิจจานุเบกษา คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในช่วงเดือนเม.ย.นี้
ด้านนายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารแท็กซี่มิเตอร์ ระยะที่ 2 น่าจะปรับขึ้นอยู่ในช่วง 5-7% ซึ่งเมื่อรวมกับการปรับขึ้นในระยะแรกแล้วไม่สูงเกินเพดานที่ได้เคยหารือไว้ คือจะต้องปรับขึ้นเฉลี่ย 13% แต่ได้ปรับขึ้นระยะแรกไปแล้ว 6-8% อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นค่าโดยสารในระยะแรก ยังไม่สะท้อนภาระต้นทุนที่แท้จริงของแท็กซี่ เพราะเพดานราคาที่ได้ศึกษาไว้อยู่ที่ 13% โดยภายหลังการปรับขึ้นครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ไขปัญหาการปฏิเสธผู้โดยสาร รวมไปถึงปัญหาแท็กซี่ไม่กดมิเตอร์ เพราะแท็กซี่จะไม่สามารถอ้างว่าวิ่งไม่คุ้มได้
นอกจากนี้ ขบ.ยังเสนอปรับอัตราค่าเซอร์ชาร์จของแท็กซี่สนามบินโดยแยกเป็น 2 ราคาตามขนาดรถ เนื่องจากพบว่าต้นทุนของรถแท็กซี่แต่ละขนาดต่างกัน แนวโน้มจะมีการปรับขึ้นต่ำกว่าผลการศึกษาที่เคยกำหนดไว้ เนื่องจากการปรับขึ้นราคาครั้งนี้ ผู้ประกอบการจะได้รับทั้งการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารจากมิเตอร์ และค่าเซอร์ชาร์จด้วย
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุถึงแนวทางการปรับขึ้นค่าเซอร์ชาร์จรถแท็กซี่ที่ให้บริการในสนามบินจะแบ่งเป็น 2 ระบบ คือ รถแท็กซี่ขนาดเล็ก 4 ประตู และรถแท็กซี่ขนาดใหญ่ 5 ประตู (รถแวน) ทำให้ค่าเซอร์ชาร์จที่เรียกเก็บจะมี 2 อัตรา โดยเสนอให้ปรับอัตรารถแท็กซี่ขนาดเล็กจากเที่ยวละ 50 บาท/คัน เป็น 75 บาท/คัน และรถแท็กซี่ขนาดใหญ่ปรับจากเที่ยวละ 50 บาท/คัน เป็น 95 บาท/คัน อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวจะต้องเสนอให้รมว.คมนาคม พิจารณาให้ความเห็นชอบ
ข่าวเด่น