วันนี้(9มี.ค.)พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์เรื่อง การปฏิบัติของรัฐบาล และ คสช. ต่อพระสงฆ์ เนื้อหาของแถลงการณ์ระบุดังนี้
ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนของบุคคลจากการใช้อำนาจของ คสช.และรัฐบาลอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ที่ คสช. ได้เข้ายึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยอาศัยประกาศและคำสั่งของ คสช.เป็นเครื่องมือในการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของบุคคล หลายคนต้องถูกทหารควบคุมตัวเข้าค่ายโดยอ้างว่าเพื่อปรับทัศนคติ หลายคนต้องถูกดำเนินคดีเพียงแค่การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร หรือเพื่อตรวจสอบการทุจริตของรัฐบาล ทั้งที่กรณีดังกล่าวเป็นสิทธิเสรีภาพขึ้นพื้นฐานของประชาชน
การละเมิดสิทธิมนุษยชนนับวันจะรุนแรงขึ้น ไม่เฉพาะแค่เพียงกับประชาชนทั่วไปเท่านั้น แต่ยังก้าวล่วงไปดำเนินการกับพระสงฆ์ ซึ่งเป็นตัวแทนในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559 ที่พระสงฆ์จำนวนหนึ่งจะเดินทางเข้าไปยังพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เพื่อทำกิจกรรมของสงฆ์แต่ถูกทหารเข้าขัดขวาง นำรถฮัมวี่ ซึ่งใช้ในราชการทหารมาขวางกั้นปิดไม่ให้พระสงฆ์ได้เข้าในเขตพื้นที่ทั้งที่เป็นพื้นที่ของสงฆ์ จนเกิดเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันระหว่างทหารกับพระสงฆ์ และเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมาที่มีพระสงฆ์และประชาชน ในนามเครือข่ายองค์กรชาวพุทธ ได้นัดประชุมเพื่อแถลงท่าทีของเครือข่ายต่อความเห็นของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่เห็นว่ามติของมหาเถรสมาคม (มส.) ทำผิดขั้นตอนการเสนอการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช โดยสถานที่ประชุมก็เป็นศูนย์ประชุมของวัดไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใด แต่กลับปรากฏว่าทั้งทหารและตำรวจได้เข้าขัดขวางการดำเนินการดังกล่าวจนการประชุมไม่อาจดำเนินการได้ตามวัตถุประสงค์ ทั้งที่ประเด็นความเห็นของผู้ตรวจการแผ่นดินยังมีความเคลือบแคลงสงสัยถึงอำนาจหน้าที่และความถูกต้องในข้อกฎหมาย ซึ่งพระสงฆ์ และประชาชนสมควรที่จะได้รับสิทธิในการแสดงออกซึ่งข้อท้วงติงได้
พรรคเพื่อไทยเห็นว่า การนำปฏิบัติการทางทหารมาใช้กับพระสงฆ์ดังกล่าวนอกจากเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนแล้ว ยังถือเป็นการไม่ให้ความเคารพในกิจกรรมของพระสงฆ์ในบวรพระพุทธศาสนาที่ต้องการแสดงออกในเรื่องที่อยู่ในกิจของสงฆ์ ซึ่งไม่ได้เคลื่อนไหวในทางการเมืองแต่อย่างใด ถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
เนื่องจากศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติของคนไทย และสถาบันทางศาสนาเป็นที่เคารพรักและศรัทธาของประชาชนไทยทุกส่วน ซึ่งนอกจากจะต้องให้การอุปถัมภ์และคุ้มครองแล้ว รัฐบาลและ คสช. ไม่ควรเข้าไปแทรกแซงการดำเนินกิจกรรมใดๆของพระสงฆ์ตราบใดที่การแสดงออกดังกล่าวไม่ได้เป็นการผิดต่อกฎหมายบ้านเมือง สิ่งใดที่รัฐบาลมีหน้าที่ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ก็ควรรีบดำเนินการ เช่นการเสนอสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ไม่ควรปล่อยให้เกิดความขัดแย้งในสังคมต่อไป
พรรคเพื่อไทยตระหนักว่า ในสังคมเผด็จการดังที่เป็นอยู่ในประเทศไทยขณะนี้นั้น แม้ผู้มีอำนาจจะมีอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่การใช้อำนาจก็ควรคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนด้วย การปฏิเสธไม่ยอมรับสิทธิเสรีภาพของฆราวาส ซึ่งได้เกิดขึ้นหลายครั้งหลายหน และปัจจุบันได้มีการใช้อำนาจดังกล่าวก้าวล่วงไปถึงพระสงฆ์อันเป็นตัวแทนความเคารพนับถือและความศรัทธาของพี่น้องประชาชน นับได้ว่าประเทศนี้กำลังตกอยู่ในความเสื่อมถอยอย่างถึงที่สุด
ข่าวเด่น