หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง
กลยุทธ์วันนี้ ECB Meeting
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ แกว่งระหว่าง 1,365-1,385 จุด โดยเป็นการทำ Sector Rotation จากกลุ่มพลังงาน / ปิโตรเคมี เข้ากลุ่มรับเหมาก่อสร้าง รวมถึงการเก็งกำไรต่อกลุ่ม ICT ขณะที่บรรยากาศการลงทุนในเอเชียมีบวก – ลบสลับกันไป ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ปิดที่ 1,390.66 จุด บวก 16.04 จุด มูลค่าการซื้อขาย 56,222 ล้านบาท ทั้งนี้มีรายการ Big Lot หุ้น BBL จำนวน 10.14 ล้านหุ้น ณ ราคา 168.29 บาท รวมมูลค่าการ 1.71 พันล้านบาท
เม็ดเงินทุนต่างชาติเริ่มชะลอตัว แม้คงซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 เหลือเพียง 494 ล้านบาท ซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 ลดลงเหลือ 4,614 ล้านบาท แต่คงการทยอยปิดสถานะ Long ด้วยการ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 9,070 สัญญา
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- ติดตามการประชุม ECB คืนนี้
- เม็ดเงินต่างชาติเริ่มชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นไทย สอดคล้องกับตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชียอื่นๆ วานนี้ซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ 6 ตลาดเพียง US$725 ล้าน
- ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกฟื้นตัวเด่น ด้วยความคาดหวังต่อการประชุมโอเปกวันที่ 20 มี.ค.
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองต่อการลงทุนเป็น “กลาง” เป็นวันที่ 9 แม้ว่า SET INDEX จะฟื้นตัวกลับมาปิดที่ 1,390.66 จุด วานนี้ก็ตาม แต่หากประเมินจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกต่างไม่มีความโดดเด่นในเชิงบวก ยกเว้นเพียงสภาพคล่องทางการเงินที่ล้นในระบบการเงินทั่วโลกเท่านั้น ภายใต้อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่อยู่ในระดับต่ำ ผ่านผลตอบแทนจากพันธบัตรของแต่ละประเทศ รวมถึงไทยที่ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีต่ำเพียง 1.985% เท่านั้น ทำให้เงินทุนไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหนาแน่นและต่อเนื่อง
แต่หากพิจารณาถึงปัจจัยพื้นฐาน และด้านเทคนิคของการฟื้นตัวของ SET INDEX ในรอบนี้ เริ่มมี upside gain ที่จำกัด เรากลับให้มุมมองว่า
- การเกิด Sector Rotation จากกลุ่มที่อ้างอิงกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ หลักๆ คือกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี จะถูกขายทำกำไร เพราะราคาตลาด ณ ปัจจุบันเทียบกับราคาเหมาะสมเหลือ Upside gain ที่จำกัด หรือราคาสูงกว่าราคาเหมาะสมไปมากแล้ว และกลับสู่กลุ่ม Domestic Play โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งทางการเตรียมเร่งผลักดันโครงการลงทุนขนาดใหญ่ออกมามากขึ้นและต่อเนื่อง หลังติดขัดในปัญหาขั้นตอน HIA / EIA จนทำให้เกิดความล่าช้า
- หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ADVANC / DTAC / JAS / TRUE และทางอ้อมอย่าง INTUCH จะมีความผันผวนมากขึ้น ตามประเด็นข่าวที่เกี่ยวข้อง ทั้งในแง่ของผู้ใช้บริการที่อยู่ในระบบ 900MHz และท่าทีของ JAS กับการหาแหล่งเงินทุนมาสนับสนุนแผนธุรกิจ เส้นตาย 21 มี.ค.
สำหรับการประชุม ECB ในวันนี้ Bloomberg consensus ให้น้ำหนัก 100% ที่ ECB จะลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจากปัจจุบัน -0.3% โดยโอกาสที่จะลดลงเป็น -0.4% มีน้ำหนักมากที่สุด 95.3% หากเป็นไปตามที่ตลาดคาด ย่อมเกิด Sell on Fact เช่นกัน
ดังนั้น เรายังคงให้น้ำหนักกับการที่ SET INDEX จะเข้าสู่โหมดของการปรับฐาน / พักฐาน เพื่อรอดูผลการประชุมธนาคารที่นอกเหนือจาก ECB ในวันนี้แล้ว สัปดาห์หน้ายังมีการประชุม BoJ / FOMC/ BoE ซึ่งถือว่ามีความสำคัญต่อทิศทางค่าเงินสกุลหลัก และการเคลื่อนย้ายเงินทุน
กลยุทธ์การลงทุน
เราคงแนะนำให้ “นักลงทุน ทยอยเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางต่อเนื่อง หากราคาหุ้นเป้าหมายเกิดการย่อตัวลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย”
Speculative Buy: BIG/ CK
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “เก็งกำไร” ได้แก่
1. CK : ราคาปิด 24.60 บาท ราคาเหมาะสม 34.00 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะไต่ระดับขึ้นต่อ จาก Sentiment บวก หลังนักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้นว่างานประมูลขนาดใหญ่ของภาครัฐฯจะเดินหน้าได้ตามแผนงาน
b) เนื่องจากคสช.ประกาศใช้มาตรา 44 เพื่อผลักดันโครงการด้านคมนาคมขนส่ง ให้ครม.สามารถอนุมัติให้เอกชนดำเนินการคู่ขนานไปได้ระหว่างที่รอผล EIA แต่จะยังไม่สามารถลงนามผูกพันในสัญญาได้
c) มี Catalyst รออยู่ โดยคาดว่าครม.จะมีการอนุมัติแผนลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสีเหลืองในการประชุมสัปดาห์หน้า นอกจากนั้น เชื่อว่าโครงการสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท จะมีความคืบหน้า เช่น การออก TOR ในเดือน มี.ค.
d) NAV จากการถือหุ้นใน 3 บริษัทลูก ได้แก่ BEM, TTW และ CKP คิดเป็น 20.10 บาทต่อหุ้น CK จึงมี Downside Risk ที่จัด และธุรกิจรับเหมาก่อสร้างซื้อขายที่เพียง 4.5 บาทต่อหุ้น เทียบกับ BV งบเดี่ยวของ CK ที่ 13 บาทต่อหุ้น
2. BIG : ราคาปิด 1.92 บาท ราคาเหมาะสม 2.30 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อ BIG ในฐานะผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายกล่องถ่ายรูปที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด จึงได้ประโยชน์โดยตรงจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้เกิดฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
b) คาดผลประกอบการ 1Q59 จะเติบโตสูง +30-40% yoy เป็น 100 ล้านบาท หรือ มากกว่า จากการเกิด Economy of Scale และยอดขายกล้องถ่ายรูปประเภท Mirrorless ยังเติบโตสูง ซึ่งจะช่วยผลักดันกำไรสุทธิทุกไตรมาสในปี 2559 ให้ขยายตัว yoy
c) มีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้น หลังทิศทางกำไร 1Q59 มีแนวโน้มออกมาดีกว่าคาดการณ์เดิม โดย BIG จะจัดประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 14 มี.ค.
a) Valuation น่าสนใจ ซื้อขายระดับ PER2559 ที่ 14.2 เท่า และมี ROE สูงถึง 45.8% เทียบค่าเฉลี่ยของกลุ่มค้าปลีกที่ 22.7 เท่า และหุ้นในกลุ่มสินค้า IT เช่น COM7 ที่ 19.2 เท่า
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 10 ชะลอตัวเหลือ US$72 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$76 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติชะลอตัวในตลาดหุ้นต่อเนื่อง
นักลงทุนต่างชาติคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 เหลือเพียง 494 ล้านบาท และทำให้ 6 วันทำการ ซื้อสุทธิ 15,494 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิขยับขึ้นเป็น 7,873 ล้านบาท
แต่ SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 9,070 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 14,040 สัญญา น่าจะเป็นการปิดสถานะ Long ต่อเนื่อง แม้ว่า SET50 Index กลับปิดยืนเหนือแนว 900 จุดได้อีกครั้ง แต่กลับกดดันให้ S50H16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 2 และกว้างขึ้นเป็น 2.09 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เพียง 0.22 จุด และทำให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิต่ำกว่า 120,000 สัญญา เป็น 113,480 สัญญา
ขณะที่คงการซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ เป็นวันที่ 3 ลดลงเหลือ 4,614 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ซื้อสุทธิ 20,302 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยทรงตัวต่อเนื่อง ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงเพียง 0.10bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้นเพียง 0.39bps ปิดที่ 1.895%
Short-Selling วานนี้
ลดลงเหลือ 845 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,423 ล้านบาท โดยยังคงกระจุกตัวที่ PTTEP / ADVANC
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 7 กระจุกตัวใน BBL อย่างโดดเด่น
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิเร่งขึ้นเป็น 6,265 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,303 ล้านบาท รวม 7 วันทำการ ซื้อสุทธิ 22,711 ล้านบาท โดยเป็นการเน้นสะสม BBL สอดคล้องกับรายการ Big Lot BBL วานนี้เช่นกัน คาดว่าเป็นผลสืบเนื่องจากการเพิ่ม BBL เข้าใน NVDR อีกครั้ง สรุปภาพรวมการลงทุนผ่าน NVDR ได้ดังนี้
1. กลุ่มธนาคารถูกซื้อสุทธิยังคงถูกซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 5 มากถึง 2,544 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,545 ล้านบาท ตามกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 1,144 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 972 ล้านบาท กลุ่มค้าปลีก ซื้อสุทธิ 527 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 119 ล้านบาท กลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 525 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 411 ล้านบาท และกลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 308 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 149 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่ม MAI ถูกขายสุทธิสูงสุด เพียง 13 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ไม่มี
ยุโรป
ไม่มี
จีน
ไม่มี
เอเชียแปซิฟิก
ธนาคารกลางมาเลเซียคงอัตราดอกเบี้ย: เท่ากับ 3.25% เป็นการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งที่ 10 สอดคล้องกับที่ Bloomberg consensus คาดการณ์ ขณะที่ธนาคารกลางประมาณการอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ระหว่าง 2.5-3.5% เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่ 2.1% และภาพรวมเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเติบโต 4.5% ชะลอตัวจากปีก่อนที่ 5.0% อย่างไรก็ตามผู้ว่าการธนาคาร นาย Zeti จะหมดวาระในเดือนเม.ย. ยังไม่มีการเสนอชื่อผู้ที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งดังกล่าว
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ลดอัตราดอกเบี้ยสวนทางกับที่ตลาดคาด: เป็น 2.25% จากเดิม 2.50% ขณะที่ Bloomberg consensus คาดคงอัตราดอกเบี้ย พร้อมส่งสัญญาณการผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในอนาคตจะเข้าสู่ค่ากลางของเป้าหมาย 2.0% ต้นปี 2561 ทั้งนี้ธนาคารกลางคาดการณ์ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 90 วันที่ 2.2% ณ สิ้นปี
กลุ่มโอเปกเตรียมหารือวันที่ 20 มี.ค.ร่วมกับรัสเซีย: รัฐมนตรีน้ำมันของไนจีเรียเปิดเผยในวันนี้ว่า สมาชิกของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และรัสเซียจะประชุมกันในวันที่ 20 มี.ค. เพื่อหารือกันเกี่ยวกับการผลักดันราคาน้ำมันขึ้น หลังจากที่ทรุดตัวลงก่อนหน้านี้
ธนาคารกลางเกาหลีใต้คงอัตราดอกเบี้ย: อยู่ที่ 1.50% เท่ากับที่ Bloomberg Consensus ประเมิน นับเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 9 จากความกังวลหากปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะยิ่งเป็นการเพิ่มระดับหนี้สินครัวเรือนรวมถึงเป็นการเร่งกระแสเงินทุนต่างชาติไหลออก อย่างไรก็ตามตลาดประเมินว่าธนาคารกลางเกาหลีใต้จะลดอัตราดอกเบี้ยใน 2Q59
ไทย
ไม่มี
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 10 มี.ค. 2559
ข่าวเด่น