นายพิชา สิริโยธิน ผู้อำนวยการบริหารสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า เบี้ยประกันชีวิตรับรวม ณ สิ้นเดือนมกราคม 2559 มีทั้งสิ้น 44,722.85 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.69 จำแนกเป็นเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่จำนวน 11,986.67 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.65
และเบี้ยประกันชีวิตรับปีต่อไปจำนวน 32,736.18 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.00 อัตราความคงอยู่ร้อยละ 85 โดยเบี้ยประกันชีวิตรายใหม่ จะประกอบด้วย (1) เบี้ยประกันชีวิตปีแรก มีจำนวน 8,682.17 ล้านบาท อัตราการเติบโตร้อยละ 10.21 (2) เบี้ยประกันชีวิตจ่ายครั้งเดียว จำนวน 3,304.50 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.22
ในการพิจารณาข้อมูลสถิติของธุรกิจประกันชีวิต สมาคมจะพิจารณาแยกเป็น 2 กรณี คือ ประการแรกจะพิจารณาถึงขนาดของบริษัท และประการที่สอง จะพิจารณาถึงการขยายงานของบริษัท จากสถิติเบี้ยประกันชีวิตรับ เดือนมกราคมของปี 2559 ซึ่งสมาคมประกันชีวิตไทยได้รวบรวมจากบริษัทประกันชีวิตทุกบริษัท มีดังนี้
1. เบี้ยประกันชีวิตรับรวม เดือนมกราคม 2559 มีทั้งสิ้น 44,722.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 7.69 บริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันชีวิตรับรวมสูงสุด หรือมีขนาดใหญ่สูงสุด 7 อันดับแรก คือ
อันดับที่ 1 บจ.เอ.ไอ.เอ. จำนวน 9,067.25 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 20.27
อันดับที่ 2 บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต จำนวน 7,881.14 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 17.62
อันดับที่ 3 บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต จำนวน 5,881.16 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 13.15
อันดับที่ 4 บมจ.ไทยประกันชีวิต จำนวน 5,101.13 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 11.41
อันดับที่ 5 บมจ.กรุงไทย แอกซ่า ประกันชีวิต จำนวน 3,822.89 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 8.55
อันดับที่ 6 บมจ.ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำนวน 3,602.26 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 8.05
อันดับที่ 7 บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำนวน 2,756.35 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 6.16
รวม 7 อันดับแรก ครองสัดส่วนการตลาดร้อยละ 85.21 และอีก 15 บริษัทที่เหลือครองสัดส่วนการตลาด ร้อยละ 14.79
2. เบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ เดือนมกราคม 2559 มีทั้งสิ้น 11,986.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 9.65 บริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่สูงสุด หรือมีการขยายงานสูงสุด 7 อันดับแรก คือ
อันดับที่ 1 บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต จำนวน 2,692.55 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 22.46
อันดับที่ 2 บจ.เอ.ไอ.เอ. จำนวน 1,874.16 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 15.64
อันดับที่ 3 บมจ.กรุงไทย แอกซ่า ประกันชีวิต จำนวน 1,372.56 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 11.45
อันดับที่ 4 บมจ.ไทยประกันชีวิต จำนวน 1,281.33 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 10.69
อันดับที่ 5 บมจ.ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำนวน 881.17 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 7.35
อันดับที่ 6 บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต จำนวน 846.58 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 7.06
อันดับที่ 7 บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำนวน 761.53 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 6.35
ผู้อำนวยการบริหารสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเบี้ยประกันชีวิตรับปีต่อไปที่มีจำนวน 32,736.18 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.00 โดยมีอัตราความคงอยู่ร้อยละ 85 ถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี แสดงถึงผู้เอาประกันชีวิตให้ความสำคัญของการประกันชีวิต จากงานแถลงข่าว “ภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตไทยปี 2558 และแนวโน้มธุรกิจประกันชีวิตไทยปี 2559” เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2559 ณ ห้องประชุมชั้น 7 สมาคมประกันชีวิตไทย รายงานเบี้ยประกันชีวิต ณ สิ้นปี 2558 รวมทั้งสิ้น 537,510 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตถึงร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และในปี 2559 สมาคมคาดว่าธุรกิจประกันชีวิตจะยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 9 เบี้ยประกันภัยรับรวมประมาณ 585,700 ล้านบาท โดยมีปัจจัยปัจจัยสนับสนุนจากภาวะเศรษฐกิจที่มีแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายของภาครัฐ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบเร่งด่วน ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อประกันชีวิตมากขึ้น ประกอบกับการแข่งขันการให้บริการที่ดีแก่ประชาชนของบริษัทประกันชีวิต การออกผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนทุกระดับชั้น การขยายช่องทางการจัดจำหน่าย และการให้ความสำคัญในการส่งเสริมธุรกิจประกันชีวิตของหน่วยงานของรัฐ รวมไปถึงสิทธิผลประโยชน์ทางภาษีที่ผู้เอาประกันชีวิตจะได้รับ ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยบวกต่อการดำเนินธุรกิจประกันชีวิตในปี 2559
ข่าวเด่น