วันนี้ (14 มี.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เขียนคอลัมน์ “จากใจนายกรัฐมนตรี” ในจดหมายข่าวรัฐบาลเพื่อประชาชน ฉบับวันที่ 15 มี.ค. ระบุว่า “มนุษย์เป็นสัตว์สังคม การอยู่ร่วมกันในสังคมนั้น ชีวิตมนุษย์ย่อมต้องการความมั่นคง ประเทศชาติ ก็เช่นกันวงจรชีวิตเฉลี่ยคนไทยอาจยาวนานถึง 80 ปี แต่อายุรัฐบาลเพียง 4 ปี โดยสิ่งที่ประกันความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืนได้คือ “ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี”
ในอดีตเวลาของเรานับกันเป็น วัน เดือน ปี แต่ในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ เรานับเวลาเป็นวินาที เสี้ยววินาที ทำให้ความอดทนของรามีอายุสั้น ขณะที่การพัฒนาอย่างยั่งยืนต้องการเวลา ดังนั้นยุทธศาสตร์การปฏิรูปและพัฒนาประเทศที่อยู่บนพื้นฐานหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอันมีประชารัฐของรัฐบาลนี้เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อน จึงต้องการเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
โจทย์ของประเทศเวลานี้เป็นผลจากอดีต 1. ด้านเศรษฐกิจที่มีโครงสร้างไม่รองรับการพัฒนาของโลก พึ่งพาปัจจัยภายนอกประเทศ และประชาชนส่วนใหญ่อยู่ในภาคการเกษตรโดยปราศจากการเสริมสร้างความเข้มแข็ง 2. ด้านสังคมที่มีแต่ความเหลื่อมล้ำในทุกๆ ด้าน 3.ด้านการเมืองที่มอมเมาและลวงตาประชาชน ทั้งตาบอดสี ไม่เห็นสีอื่นเห็นแต่สีตน ทั้งๆ ที่ทุกคนเป็นธงไตรรงค์เหมือนกัน กับสาดสีแบ่งแยกแบบผิดๆ อีกทั้งสายตาสั้นมองความสุขเพียงอายุรัฐบาล ถูกกล่อมขายฝันรอกลับมาเป็นรัฐบาลใหม่ ไม่ยั่งยืน ยื่นปลา ไม่ยื่นเบ็ดไม่สอนวิธีหาปลา
"ผมเชื่อเสมอว่าทุกปัญหามีทางออก หากเราร่วมมือกัน แนวทางประชารัฐที่รัฐบาลนำเสนอจะเป็นการปฏิรูปทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง รวมทั้งส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยเพราะประชาชนเป็นศูนย์กลาง เป็นเจ้าของประเทศ รัฐต้องไม่ยัดเยียด ต้องระเบิดจากภายในและต้องอาศัยจากมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน ด้วยเทคนิคการทำงานร่วมกัน รู้รักสามัคคีของคนในสังคม ตั้งแต่ระดับฐานรากด้วยการเสริมสร้างความเข้มแข็งของรัฐที่มีธรรมาภิบาล" พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
สี่เสาค้ำยันสังคมไทยที่เราต้องร่วมกันสร้างตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประชารัฐคือ 1. ทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย เป็นหลักประกันสิทธิ หน้าที่ เสรี ขจัดความไม่เท่าเทียม แก้ขัดแย้งด้วยศาล และไม่แบ่งแยก แต่สร้างพลังทางสังคม 2. เน้นการมีส่วนร่วม สร้างภาคีและเครือข่าย แนวระดับภาครัฐ เอกชน ประชาชน ปรับดุลยภาพแนวดิ่ง ส่วนการภูมิภาค ท้องถิ่น ชุมชนและเสริมศักยภาพของเอกชน ประชาชนให้เข้มแข็ง รัฐดูแลต้นทาง กลางทางและปลายทางให้ 3. เพิ่มพูนประสิทธิผลและประสิทธิภาพของภาครัฐ ทั้งโครงสร้างการบริหารจัดการบุคลากร ระบบระเบียบให้รองรับการพัฒนาส่งเสริมการทำงานร่วมกันอย่างโปร่งใส เชื่อใจไร้ทุจริต มีระบบประเมินและตรวจสอบได้ 4. มีความหนุนเนื่องของยุทธศาสตร์ชาติ วาระแห่งชาติ และวิสัยทัศน์ร่วมกันของคนในชาติ
“หากการสร้างบ้านต้องการตามใจคนอยู่เป็นจริงฉันใด พลังศรัทธาในปรัชญาประชารัฐของผมและประชาชนย่อมนำไปสู่จิ๊กซอว์แห่งพลังสามัคคีของเจ้าชุมชนไปจนถึงเจ้าของประเทศได้จริงฉันนั้น” นายกฯ ระบุ
ข่าวเด่น