กระทรวงการคลัง รายงานว่าคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2559 ได้มีมติเห็นชอบการแก้ไขพระราชบัญญัติบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม พ.ศ. 2534 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยการแก้ไขพระราชบัญญัติฯ จะช่วยให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ มีความคล่องตัว
ในการบริหารจัดการองค์กร สามารถช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบการเงินได้อย่างกว้างขวางและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสาคัญ ดังนี้
1. แก้ไขเพิ่มเติมนิยามของคำว่า “หลักทรัพย์” “สถาบันการเงิน” และ “การให้สินเชื่อ” เพื่อให้ บสย. สามารถช่วยเหลือ SMEs ผ่านการค้ำประกันสินเชื่อได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น รวมทั้งเพื่อให้สอดคล้องกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
2. แก้ไขเพิ่มเติมในหมวดการจัดการ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ และกฎหมายจัดตั้งสถาบันการเงินเฉพาะกิจแห่งอื่น ๆ
3. แก้ไขการให้รัฐบาลค้ำประกันเงินกู้ตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ และเพิ่มบทบัญญัติให้ บสย. เป็นสถาบันการเงินภาครัฐ ตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ เพื่อให้ บสย. เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงานเช่นเดียวกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจอื่น ๆ
4.เพิ่มเติมการสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการหนี้ โดยการเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา รวมไปถึงยกเว้นบรรดาค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้น เพื่อลดเวลา และค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีของ บสย. ซึ่งจะช่วยลดกระบวนการทางศาลสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ การแก้ไขพระราชบัญญัติฯ ที่กล่าวข้างต้น จะช่วยให้ บสย. สามารถช่วยเหลือ SMEs ผ่านการค้ำประกันสินเชื่อได้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น เป็นการช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ SMEs และก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ตลอดจนสามารถบริหารองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพในภาวะเศรษฐกิจและการเงินที่มีการเปลี่ยนแปลงไป
ข่าวเด่น