ราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับสูง จากข่าวการประชุมของผู้ผลิตน้ำมันดิบเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาด
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 35-41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 37-43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (21-25 มี.ค. 59)
ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้คาดว่าจะทรงตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับแรงหนุนจากข่าวการประชุมของผู้ผลิตในกลุ่มโอเปคและนอกกลุ่มโอเปคที่จะจัดขึ้นในวันที่ 17 เม.ย. เพื่อหารือในการตรึงกำลังการผลิตน้ำมันดิบ ประกอบกับอุปทานน้ำมันดิบจากสหรัฐที่มีแนวโน้มปรับลดลงตามปริมาณการขุดเจาะที่ปรับลดลงต่อเนื่อง มาอยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 52 รวมถึง ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง หลังธนาคารกลางสหรัฐ (FED) คาดว่าจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพียง 2 ครั้งในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมถึงปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ณ จุดส่งมอบคุชชิ่ง โอกลาโฮมา ที่ใกล้จะเต็มถังเก็บน้ำมันดิบเร็วๆ นี้
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
- การตอบรับของตลาดต่อความคืบหน้าของการประชุมนัดพิเศษระหว่างผู้ผลิตน้ำมันดิบในและนอกกลุ่มโอเปคที่จัดขึ้นในวันที่ 17 เม.ย.นี้ เพื่อหารือถึงการตรึงกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ระดับการผลิตในเดือน ม.ค. โดยมีผู้ผลิตน้ำมันดิบกว่า 15 ประเทศเข้าร่วมการประชุม ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 73 ของกำลังการผลิตน้ำมันดิบของโลก นอกจากนี้ กลุ่มผู้ผลิตยืนยันที่จะเดินหน้าการประชุมดังกล่าวต่อเนื่อง แม้ว่าอิหร่านจะไม่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวก็ตาม
- ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตในสหรัฐ มีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 9.06 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 57 จากต้นปีที่ระดับประมาณ 9.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้ผู้ผลิตลดการขุดเจาะน้ำมันดิบลงต่อเนื่อง โดยล่าสุด Baker Hughes เปิดเผยจำนวนแท่นขุดเจาะปรับลดลงอีก 6 แท่น เป็นสัปดาห์ที่ 12 ติดต่อกัน สู่ระดับ 386 แท่น (ณ วันที่ 11 มี.ค.) ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 52
- ค่าเงินดอลลาร์ มีแนวโน้มอ่อนค่าลงและกดดันราคาน้ำมันดิบน้อยลง หลังธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับเดิมที่ 0.25 - 0.50% หลัง Fed ยังคงกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ทั้งปีนี้ คณะกรรมการของ Fed คาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เพียงแค่ 2 ครั้งในช่วงกลางปีและปลายปีเท่านั้น ลดลงจากแผนเดิมที่คาดว่าจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้
- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ยังคงมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ (สิ้นสุด ณ วันที่ 11 มี.ค.) ปรับตัวสูงขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล เป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน แตะระดับที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 523.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นผลมาจากกำลังการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐ ที่ปิดซ่อมบำรุง ในขณะที่ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ณ จุดส่งมอบคุชชิ่ง โอกลาโฮมา ปรับเพิ่มขึ้น 0.5 ล้านบาร์เรล แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 67.5 ล้านบาร์เรล คิดเป็นกว่าร้อยละ 92.5 ของความจุของถังเก็บน้ำมันดิบ โดยปริมาณน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องสร้างความกังวลว่าพื้นที่ในการจัดเก็บน้ำมันดิบ ณ จุดส่งมอบอาจจะไม่เพียงพอ
- ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐ ดัชนีภาคการผลิตยูโรโซน จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสหรัฐ จีดีพีไตรมาส 4/58 สหรัฐ รายจ่ายในการบริโภคของบุคคลสหรัฐ
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (14-18 มี.ค. 59)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.75 ดอลลาร์ ปิดที่ 39.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.81 ดอลลาร์ ปิดที่ 41.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
โดยตลาดน้ำมันดิบได้รับแรงหนุน หลังจากที่ผู้ผลิตน้ำมันดิบทั้งในกลุ่มโอเปคและนอกกลุ่มโอเปคยืนยันการเข้าร่วมประชุมกันที่เมืองโดฮาในเดือน เม.ย. เพื่อที่จะหารือถึงการตรึงกาลังการผลิตน้ำมันดิบไว้ รวมถึงปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ที่ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดไว้ และรายงานของ IEA ที่คาดการณ์ว่าการผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปค (Non-OPEC) จะลดลงราว 750,000 บาร์เรลต่อวัน มากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะปรับลดลง 600,000 บาร์เรลต่อวัน
.jpg)
ข่าวเด่น