กลยุทธ์วันนี้ MPC Meeting
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ เปิดขึ้นไปทดสอบด่าน 1,400 จุด ผลักดันด้วยหุ้นหลักในกลุ่ม ICT แต่ก็เกิดแรงขายทำกำไรมากขึ้นเช่นกัน อีกทั้งข่าวการก่อการร้ายในกรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยี่ยมช่วงบ่าย กดดันจิตวิทยาการลงทุนมากขึ้น ส่งผลให้ SET INDEX ย่อตัวลงมาปิดที่ 1,397.20 จุด บวกเพียง 3.57 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 62,757 ล้านบาท
ด้านเงินทุนต่างชาติชะลอตัวต่อเนื่อง ซื้อสุทธิตลาดหุ้นเพียง 552 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 644 ล้านบาท ซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 4 อีก 2,154 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
เหตุก่อการร้ายในกรุงบรัสเซล เบลเยี่ยม กดดันต่อจิตวิทยาการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
ติดตามการแถลงท่าทีและขั้นตอนการเปิดประมูลคลื่นความถี่ 900MHz ชุดที่ 1 ใหม่เมื่อใด จากทางกสทช.วันนี้
ติดตามการประชุม กนง. วันนี้ เราและตลาดคาดคงอัตราดอกเบี้ย RP1 วันที่ 1.50%
ครม.มีมติอนุมัติโครงการบ้านประชารัฐ และช้อปช่วยชาติโครงการ 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองต่อการลงทุน “บวก” วันที่ 9 แม้ว่าจะมีความวุ่นวายจากเหตุก่อการร้ายในประเทศเบลเยี่ยม และอาจทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวในยุโรปได้รับผลกระทบช่วงสั้น แต่นั่นเป็นเพียงปัจจัยเชิงลบจิตวิทยาการลงทุนช่วงสั้นเท่านั้น เพราะเราเชื่อว่าทางการของเบลเยี่ยมจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในกรุงปารีส ช่วงเดือนต.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้กลุ่ม ICT จะยังมีความโดดเด่น ต่อเนื่องจากวานนี้ โดยประเด็นการเปิดประมูลคลื่น 4G ความถี่ 900MHz ชุดที่ 1 ใหม่จะเป็นอย่างไร ซึ่งกสทช.จะแถลงข่าวในวันนี้ แต่หากพิจารณาจากความเห็นของ กสทช. ก่อนหน้านี้
- การเปิดประมูลใหม่จะใช้เวลา 4 เดือน
- ราคาเริ่มต้นของการประมูลจะเป็นราคาที่ JAS Mobile ชนะ หากไม่มีผู้สนใจยื่นประมูล ทาง กสทช.จะหยุดการประมูลเป็นเวลา 1 ปี
เราประเมินว่าทั้ง ADVANC / DTAC จะไม่เข้าร่วมประมูลด้วยเกณฑ์ดังกล่าว ซึ่งจะทำให้คลื่น 900MHz จะเปิดให้บริการเพียงช่วงเดียวของ TRUE MoveH อาจกลายเป็นแต้มต่อของการทำธุรกิจได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นได้ฟื้นตัวขึ้นมาสะท้อนปัจจัยบวกเหล่านี้ไปค่อนข้างมากแล้ว Upside gain เป็นไปอย่างจำกัด เชิงกลยุทธ์การลงทุน เรายังคงให้นักลงทุนทยอยขายทำกำไรหุ้นที่เกี่ยวข้องกับประเด็นเหล่านี้
ขณะที่กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / กลุ่มวัสดุก่อสร้าง จะมีความโดดเด่น ต่อการเก็งกำไรการประชุมครม.ในวันอังคารที่ 29 มี.ค.นี้ เพื่อพิจารณาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม – เหลือง – ชมพู รวมถึงการทยอยเปิดประมูลโครงการที่มีการอนุมัติมาก่อนหน้านี้
เราประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX ระหว่าง 1,390 – 1,410 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5.0-5.5 หมื่นล้านบาท/วัน
กลยุทธ์การลงทุน
เราแนะนำให้ “นักลงทุนขายทำกำไรมากขึ้น เมื่อ SET INDEX ทะลุด่าน 1,400 จุดในวันนี้” และหันกลับมาเก็งกำไรหุ้น second tier แทน
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “สะสม” ได้แก่
1. KTB : ราคาปิด 18.50 บาท ราคาเหมาะสม 21.00 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารจะตอบรับเชิงบวก หากการประชุมกนง.วันนี้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% เนื่องจากจะส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของกลุ่มธนาคารทรงตัวได้ในระดับสูง
b) KTB ได้ประโยชน์โดยตรงจากความคืบหน้าในการเปิดประมูลงานก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ ที่จะมีความคืบหน้ามากขึ้นในเดือน เม.ย. เนื่องจากเป็นธนาคารที่มีสัดส่วนการปล่อยกู้สินเชื่อให้ภาครัฐฯสูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร
c) คาดการณ์เงินปันผลปี 2558 หุ้นละ 0.80-1.00 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.3-5.4%
d) Valuation ถูกที่สุดในหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ โดยซื้อขาย PER2559 ที่ 7.71x เทียบกับ BBL 8.57x. SCB 10.0x, KBANK 9.75x, BAY 10.65x
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 19 แต่ลดลงเหลือ US$98 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$311 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
กระแสเงินทุนต่างชาติเป็นกลางต่อเนื่องเป็นวันที่ 2
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง เพียง 552 ล้านบาท ช่วยให้ YTD ยังคงเป็นการซื้อสุทธิเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เป็น 8,339 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 644 ล้านบาท เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 19,102 สัญญา เชื่อว่าจะเป็นการทยอยปิดสถานะ Long บางส่วน ส่งผลให้ S50M16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 9.20 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เพียง 5.56 จุด ผลักดันให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิยังคงยืนเหนือ 140,000 สัญญา เป็น 143,157 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 อีก 2,154 ล้านบาท รวม 4 วันทำการซื้อสุทธิ 33,941 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิเพียง 2,696 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยกลับปรับตัวลงอีกครั้ง ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 2.86bps จากวันก่อนหน้าลดลงเพียง 0.11bps ปิดที่ 1.838%
Short-Selling วานนี้
ขยับขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 1,375 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 876 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 16 กระจุกตัวในกลุ่มธนาคารกว่าครึ่ง
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิ 1,315 ล้านบาท ชะลอตัวจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,749 ล้านบาท รวม 16 วันทำการ ซื้อสุทธิ 43,099 ล้านบาท โดยเน้นกลุ่มธนาคารอย่างโดดเด่น สรุปภาพรวมได้ดังนี้
1. กลุ่มธนาคาร ถูกซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 809 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 521 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 458 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 352 ล้านบาท กลุ่มโรงพยาบาล ซื้อสุทธิ 283 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 151 ล้านบาท และกลุ่มอาหาร ซื้อสุทธิ 198 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มขนส่ง ถูกขายสุทธิสุงสุด 326 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ขายสุทธิ 132 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง
ดัชนีราคาบ้าน เดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 0.5% mom ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดเล็กน้อย 0.6% mom แต่เท่ากับเดือนก่อนหน้า
ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนมี.ค. เท่ากับ 51.4 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 52.4 จุด แต่ดีกว่าเดือนก่อนหน้าเล็กน้อยที่ 51.0 จุด โดยความต้องการอุปกรณ์ด้านพลังงานลดลงต่อเนื่อง รวมถึงภาคการส่งออกจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่า
ยุโรป
ไม่มี
จีน
จีนอาจนำภาษีกำไรจากการลงทุนระยะสั้นมาใช้: จีนอาจนำภาษีจากการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นการบริหารจัดการระยะสั้นมาใช้ หากธนาคารกลางสหรัฐฯ ขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะจะส่งผลให้เกิดเงินทุนต่างชาติไหลออก และสร้างแรงกดดันต่อการบริหารจัดการเงินหยวน
เอเชียแปซิฟิก
ไม่มี
ไทย
ครม.เคาะบ้านประชารัฐ 7 หมื่นล้าน: ครม. วานนี้ (22 มี.ค.) มีมติเห็นชอบกรอบการดำเนินโครงการบ้านประชารัฐ โดยให้สถาบัน การเงินของรัฐ คือธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารกรุงไทย สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ วงเงินรวม 7 หมื่นล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อย กู้ซื้อที่อยู่อาศัยของตัวเอง ทั้งผู้ที่มีรายได้ประจำ เช่น ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ บุคลากรทางการศึกษา และผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ มาก่อน ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง หรือซ่อมแซมและต่อเติมที่อยู่อาศัย
โครงการนี้แบงก์รัฐจะมีสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย หรือ พรีไฟแนนซ์ สำหรับผู้พัฒนาโครงการวงเงินรวม 3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นออมสิน ธอส.และกรุงไทย แห่งละ 1หมื่นล้านบาท ส่วนวงเงินอีก 4 หมื่นล้านบาท เป็นการปล่อยกู้ให้กับประชาชนทั่วไปในการซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งมีราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท โดยธอส.และออมสินแห่งละ 2 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะสามารถช่วยเหลือให้ผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองได้ประมาณ 4-5 หมื่นราย
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 23 มี.ค. 2559
ข่าวเด่น