กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) จำนวน 18 จังหวัด เน้นย้ำเร่งช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยแล้งให้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการให้ข้อมูลสถานการณ์ภัยแล้ง การทำงานเป็น "ทีมรัฐบาล" ของทุกภาคส่วน และการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ตลอดจนรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำให้เหมาะสม โดยวางแผนการใช้น้ำที่มีปริมาณจำกัดให้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพมากที่สุด
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ภัยแล้งหลายพื้นที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำมากขึ้น โดยปัจจุบันมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) จำนวน 18 จังหวัด 68 อำเภอ 306 ตำบล 2,580 หมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ 3.44ของจำนวนหมู่บ้านทั่วประเทศ แยกเป็น ภาคเหนือ 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ พะเยา สุโขทัย นครสวรรค์ และน่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 6 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา นครพนม มหาสารคาม บุรีรัมย์ สุรินทร์ และขอนแก่น ภาคกลาง3 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี เพชรบุรี และชัยนาท ภาคตะวันออก 3 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว จันทบุรี และชลบุรี
รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ห่วงใยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยแล้งที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นจึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยแล้งให้ครอบคลุมทุกมิติ และทุกกลุ่ม ทั้งประชาชนในพื้นที่ประสบภัยและผู้ที่ได้รับผลกระทบ อาทิ เกษตรกร ผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ใช้น้ำทั่วไป อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม
โดยดำเนินการแยกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1. การให้ข้อมูลสถานการณ์ภัยแล้งที่ถูกต้องแก่ประชาชน ทั้งแผนการบริหารจัดการน้ำต้นทุน ปริมาณน้ำในเขตชลประทาน นอกเขตชลประทาน ปริมาณน้ำบนดินและน้ำใต้ดิน 2. การทำงานเป็น "ทีมรัฐบาล" ของทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยทหาร ฝ่ายพลเรือน อาสาสมัคร และท้องถิ่น 3. การสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ในรูปแบบทีมงาน "ประชารัฐ" โดยการดำเนินงานในระดับพื้นที่จะมีผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอทำหน้าที่บูรณาการงานของกระทรวงต่างๆ ร่วมกัน ซึ่งครอบคลุมทั้งการรณรงค์ประหยัดน้ำ การสร้างอาชีพและรายได้แก่เกษตรกร การดูแลสุขภาพ การป้องกันโรคระบาด และอาชญากรรม ซึ่งเป็นการซ้ำเติมให้ผู้ประสบภัยได้รับความเดือดร้อนมากขึ้น
อีกทั้งมีการเปิดเผยข้อมูลปริมาณน้ำต้นทุนอย่างชัดเจน โดยให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคเป็นหลัก เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการทำให้ประชาชนทั่วประเทศมีน้ำอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอและทั่วถึงตลอดช่วงฤดูแล้ง สำหรับจุดใดที่ประสบปัญหาแหล่งน้ำดิบไม่เพียงพอ จะได้ประสานให้เตรียมภาชนะกักเก็บน้ำกลางและส่งน้ำสะอาดสนับสนุนให้ประชาชนอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอ ทั้งนี้ ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนใช้น้ำที่มีจำกัดอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้มีน้ำใช้เพียงพอตลอดช่วงฤดูแล้งจนถึงช่วงต้นฤดูฝน
ข่าวเด่น