นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ในวันที่ 23 มีนาคม 2559คณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี
โดยประเด็นที่คณะกรรมการฯ ให้ความสาคัญในการตัดสินนโยบาย มีดังนี้
เศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายของภาครัฐ การท่องเที่ยว และการลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นในบางกลุ่มธุรกิจ แต่ในภาพรวมมีสัญญาณอ่อนแรงลงหลังจากผลชั่วคราวของมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายช่วงก่อนปีใหม่และการเร่งซื้อรถยนต์ก่อนปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตหมดลง ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้ายังหดตัวสูงและมีแนวโน้มฟื้นตัวช้าจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลัก
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการค้าโลก และปัญหาความสามารถในการแข่งขันของไทย ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ากว่าที่ประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อน และยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังอ่อนไหว รวมทั้งทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศอุตสาหกรรมหลักที่อาจแตกต่างกันมากขึ้น ส่งผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศและอัตราแลกเปลี่ยน และในช่วงที่ผ่านมาได้ส่งผลให้เงินบาทโน้มแข็งค่าขึ้นในบางช่วง ซึ่งอาจไม่เอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเท่าที่ควร
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังคงติดลบต่อเนื่อง ตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลงในช่วงปลายปี 2558 ส่งผลให้แรงกดดันเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่า ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่หักผลของภาษีสรรพสามิตยาสูบและรถยนต์มีแนวโน้มชะลอลง สะท้อนแรงสนับสนุนด้านอุปสงค์ที่แผ่วลง ความเสี่ยงต่ออัตราเงินเฟ้อจึงโน้มไป ด้านลบเพิ่มขึ้น
สำหรับความเสี่ยงต่อเสถียรภาพการเงินโดยรวมยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดจากพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น (search for yield)
ในการตัดสินนโยบาย คณะกรรมการฯ ประเมินว่าแม้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่ำกว่า ที่ประเมินไว้เดิม แต่เห็นว่านโยบายการเงินในปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่ผ่อนปรน และควรรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบาย (policy space) จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้
คณะกรรมการฯ จะติดตามพัฒนาการด้านต่างๆ อย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะใช้เครื่องมือเชิงนโยบายที่มีอยู่ อย่างเหมาะสม เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพการเงินของประเทศ
ข่าวเด่น