กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) 25 จังหวัด แยกเป็น น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค 9 จังหวัด น้ำเพื่อการเกษตร 9 จังหวัด น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและน้ำเพื่อการเกษตร 7 จังหวัด ขณะที่ 4 เขื่อนหลักลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณน้ำใช้การได้รวม 2,328 ล้านลูกบาศก์เมตร
อีกทั้งยังต้องเฝ้าระวังภาวะน้ำเค็มหนุนในช่วงวันที่ 11 – 14 เมษายน 2559 ซึ่งอาจกระทบต่อค่าความเค็มของน้ำดิบที่ใช้ในการผลิตน้ำประปา โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี และปทุมธานี ทั้งนี้ ปภ. ได้ร่วมกับจังหวัดสูบน้ำจากแหล่งน้ำเข้าพื้นที่การเกษตรและระบบการผลิตน้ำประปา รวมถึงแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภคและน้ำดื่มแก่ประชาชนผู้ประสบภัยแล้ง
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า หลายพื้นที่ของประเทศได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง โดยมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) จำนวน 25 จังหวัด 114 อำเภอ 501 ตำบล 3,963 หมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ 5.29 ของจำนวนหมู่บ้านทั่วประเทศ แยกเป็น จังหวัดที่มีปัญหาด้านน้ำอุปโภคบริโภค 9 จังหวัด ได้แก่ น่าน สุรินทร์ ชัยนาท ชลบุรี ขอนแก่น สระบุรี พิจิตร ลำพูน และตรัง จังหวัดที่มีปัญหาด้านน้ำเพื่อการเกษตร 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ พะเยา สุโขทัย นครพนม มหาสารคาม บุรีรัมย์ กาญจนบุรี สระแก้ว และจันทบุรี และจังหวัดที่มีปัญหาด้านน้ำอุปโภคบริโภคและน้ำเพื่อการเกษตร 7 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ เพชรบุรี อุตรดิตถ์ สตูล นครราชสีมา ตราด และกระบี่ อีกทั้งจากการติดตามน้ำจากสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำสำคัญของ 4 เขื่อนหลักลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำใช้การได้รวม 2,328 ล้านลูกบาศก์เมตร
ขณะที่เขื่อนอุบลรัตน์สถานการณ์น้ำวิกฤตสุด มีน้ำใช้การได้ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร คาดว่าหากสามารถจัดสรรน้ำได้ตามแผนที่กำหนดจะสามารถจัดสรรน้ำได้เพียงพอถึงเดือนกรกฎาคม 2559 นอกจากนี้ ยังต้องเฝ้าระวังภาวะน้ำเค็มหนุนในช่วงวันที่ 11 – 14 เมษายน 2559 ซึ่งจะได้ประสานกรมชลประทานระบายน้ำเพื่อผลักดันน้ำเค็ม มิให้ส่งผลกระทบต่อค่าความเค็มของปริมาณน้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปา โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี และปทุมธานี
สำหรับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับจังหวัดและหน่วยทหารแจกจ่ายน้ำแก่ผู้ประสบภัยแล้ง โดยสูบน้ำจากแหล่งน้ำต่างๆ เข้าพื้นที่การเกษตร 46,492,629 ลูกบาศก์เมตร สูบน้ำดิบเข้าระบบการผลิตน้ำประปา 6,511,992,000 ลิตร แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภคกว่า 260,862,284 ลิตร ผลิตน้ำดื่มแจกจ่ายกว่า 1,104,000 ลิตร ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 18 ศูนย์ฯ เขต สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด 76 จังหวัด และสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสาขา 30 สาขาใน 16 จังหวัด หรือสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
ข่าวเด่น