นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าในระหว่างวันที่ 23-26 กรกฎาคม 2559 กระทรวงพาณิชย์ จะจัดงาน Organic & Natural Expo เป็นเวลา 4 วัน และอยากจะขอเชิญชวนผู้ประกอบการอินทรีย์ และ ผู้ประกอบการที่ผลิตอาหาร หรือของใช้ที่มาจากธรรมชาติ รวมทั้งบริการต่างๆที่เกี่ยวข้องมาเข้าร่วมแสดงศักยภาพของธุรกิจดังกล่าวของไทย โดยตั้งเป้าไว้ว่าในปีนี้นอกจากจะมีผู้เข้าร่วมงานที่เป็นผู้ประกอบการคนไทย แล้ว ยังจะเชิญผู้ประกอบการในอาเซียนมาเข้าร่วมจัดแสดงด้วย
นางอภิรดีกล่าวว่า ปัจจุบันยังมีผู้ประกอบการไทยจำนวนจำกัดที่สามารถผลิตและส่งออกสินค้าภายใต้มาตรฐานอินทรีย์สากล ที่เหลือบางส่วนก็สามารถผลิตได้ตามมาตรฐานอินทรีย์ภายในประเทศ บางส่วน ก็อยู่ในระดับที่กำลังจะปรับเปลี่ยนจากการผลิตสินค้าปกติ เข้าสู่กระบวนการอินทรีย์ ซึ่งกลุ่มนี้มักเป็นสินค้าที่เรียกว่า สินค้าที่เป็นธรรมชาติ (Natural) มีสารเคมีในระดับที่ไม่เป็นอันตราย
การจัดงานในปีนี้จะจัดภายใต้ แนวคิด “ Organic Lifestyle Happy Society – Community Sustain” โดยจะแบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเป็นผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าอินทรีย์ (Organic) และมีมาตรฐานสากลรองรับ อีกส่วนหนึ่งจะเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับมาตรฐานในประเทศ และที่เป็นสินค้าธรรมชาติ (Natural) ความคาดหวังของการจัดงานในครั้งนี้ นอกจากจะหวังผลด้านการสั่งซื้อแล้ว ยังเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิด และที่สำคัญคือจะเป็นการกระตุ้นผู้ประกอบการให้หันมาให้ความสำคัญต่อการทำเกษตรอินทรีย์ รวมทั้งการนำผลผลิตที่ได้มาผลิตแปรรูปเป็นสินค้าอินทรีย์เพื่อให้เกิดความหลากหลาย
สิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญคือ เรื่องมาตรฐานสินค้าอินทรีย์ โดยที่ปัจจุบันประเทศไทยมีทั้งมาตรฐานในประเทศ ซึ่งออกโดยภาครัฐ และเอกชน แต่มาตรฐานดังกล่าวก็ยังไม่เทียบเท่ากับมาตรฐานสากล ดังนั้นในอนาคตกระทรวงพาณิชย์มีแผนที่จะผลักดันร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อยกระดับมาตรฐานภายในประเทศ ให้ได้เทียบเท่ากับมาตรฐานสากล ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการไทยโดยสามารถผลิตและส่งออกโดยใช้มาตรฐานเดียวได้ เช่นมาตรฐานของประเทศอินเดียที่เทียบเท่ากับมาตรฐานประเทศในอียู สามารถส่งออกได้โดยไม่ต้องไปขอมาตรฐานอียูใหม่
การเชิญประเทศในอาเซียนมาเข้าร่วมงานด้วยในครั้งนี้ นับเป็นนิมิตรหมายที่ดี และเป็นการเตรียมความพร้อมในการยกระดับงาน จากงาน Organic & Natural Expo เป็น Organic & Natural Expo ASEAN ในปี 2560 กระทรวงพาณิชย์เล็งเห็นความสำคัญของอาเซียนในฐานะ เป็นแหล่ง ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรและ อาหารที่สำคัญของโลก จากข้อมูลการสำรวจพื้นที่เกษตรอินทรีย์ใน ประเทศอาเซียนก็มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องประเทศที่มีพื้นที่ใช้ทำเกษตรอินทรีย์มากที่สุดในอาเซียนคือ ฟิลิปปินส์ (0.6 ล้านไร่) และอินโดนีเซีย (0.46 ล้านไร่) นอกจากนี้ พบว่าพื้นที่ใช้ทำเกษตรอินทรีย์มีการขยายตัวมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในเกือบทุกประเทศ
Highlight พิเศษในงานนอกเหนือจากที่จะมี ASEAN Pavilion ยังมีคูหานิทรรศการ หมู่บ้านออแกนิค (Organic Village) จาก 5 จังหวัดภายใต้การดำเนินงานของกรมการค้าภายใน คือ จังหวัด เพชรบูรณ์ น่าน สุรินทร์ เพชรบุรี และนครปฐม รวมทั้งจะมีการสาธิต และบรรยายที่เรียกว่า Cook & Talk เพื่อให้ความรู้แก่ผู้สนใจ
ตลาดสินค้าออร์แกนิคไทยในปีที่ผ่านมามีมูลค่า รวมกว่า 2,000 ล้านบาท โดย ร้อยละ 77.9 เป็นตลาดส่งออก และร้อยละ 22.1 เป็นตลาดในประเทศ โดยช่องทางตลาดออร์แกนิคในประเทศที่ใหญ่ที่สุด คือ โมเดิร์นเทรด รองลงมาคือ ร้านกรีน และร้านอาหาร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ปิดท้ายว่า ประเทศไทยมีโอกาสในการเป็นศูนย์กลางการผลิต และการค้าเกษตรอินทรีย์ของไทยสูง เนื่องจากเกษตรอินทรีย์เป็นวาระแห่งชาติ รัฐบาลมีนโยบายผลักดันให้เกษตรกร และผู้ประกอบการหันมาให้ความสำคัญในเรื่องนี้ให้มากขึ้น ปัจจุบันมีจำนวนผู้ผลิตสินค้าอินทรีย์เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งในปี 2559 กระทรวงพาณิชย์ก็มีมาตรการด้านต่างๆเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการให้เข้าสู่ระบบอินทรีย์สากล ผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมงานสามารถติดต่อมาได้ที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้จนวันที่ 18 พฤษภาคม 2559
ข่าวเด่น