พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันผู้สูงอายุแห่งชาติ 13 เมษายนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ฝากส่งความปรารถนาดีและห่วงใยไปยังผู้สูงอายุทั่วประเทศ ให้มีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์แข็งแรง เป็นหลักชัยให้แก่ลูกหลาน และมีความสุขเป็นพิเศษกับครอบครัวในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ พร้อมทั้งกระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของผู้สูงอายุ ที่ได้สร้างคุณูปการแก่สังคมไทยมาช้านาน
"นายกฯ ขอให้ลูกหลานใช้โอกาสที่ได้เดินทางกลับบ้านและอยู่พร้อมหน้าญาติมิตร มอบความรักและความเอาใจใส่แก่ผู้สูงอายุที่อยู่ในครอบครัว โดยเฉพาะอยากให้ช่วยตรวจสอบว่าปู่ย่าตายายในบ้านได้รับสิทธิ์สวัสดิการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตามนโยบายของรัฐบาลครบถ้วนแล้วหรือไม่ หากยังไม่ได้รับสิทธิ์หรืออาจตกสำรวจไป ก็ขอให้รีบหาโอกาสไปติดต่อแจ้งสิทธิ์กับเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ได้รับเงินค่าใช้จ่ายรายเดือนเป็นสวัสดิการจากภาครัฐ พร้อมทั้งเร่งรัดให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โอนเบี้ยยังชีพผ่านธนาคาร เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก ไม่ต้องให้ผู้สูงอายุเดินทางไปรับด้วยตนเอง"พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันรัฐบาลได้มอบเบี้ยยังชีพรายเดือนแก่ผู้สูงอายุแบบขั้นบันได เริ่มตั้งแต่ 600 บาท จนถึง 1,000 บาท ตามช่วงอายุ โดยในปี 59 มีผู้ลงทะเบียนรับสิทธิ์ทั้งสิ้น 7,996,332 ราย งบประมาณที่รัฐจัดสรรไว้ 63,098.55 ล้านบาท ทั้งนี้ รัฐบาลต้องการให้ผู้สูงอายุที่ยังไม่อยู่ในระบบหรือยังไม่ได้ลงทะเบียนอีกประมาณ 2 ล้านคน ไปแจ้งยืนยันสถานะและลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ให้ครบถ้วน
"รัฐบาลเตรียมพร้อมรองรับสังคมผู้สูงอายุ เพื่อให้ผู้สูงอายุทุกคนมีหลักประกันคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต เช่น เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปี สามารถสมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ได้ในปีแรกที่กองทุนเปิดรับสมาชิก เพื่อส่งเสริมการออม รวมทั้งรับดูแลผู้สูงอายุผ่านศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ 12 แห่งทั่วประเทศ ถ่ายทอดวิธีการดูแลผู้สูงอายุให้แก่ประชาชนในชุมชนต่างๆ และให้บริการกู้ยืมทุนประกอบอาชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีฐานะยากจนอย่างต่อเนื่อง" พล.ต.สรรเสริญกล่าว
ข่าวเด่น