กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะช่วงวันหยุดสงกรานต์ ช่วยกันทำความสะอาดบ้าน ลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคนในครอบครัว
นายแพทย์ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ถือเป็นวันปีใหม่ไทยและ วันครอบครัว คนไทยจึงถือเอาโอกาสนี้ร่วมกันทำความสะอาดบ้านเรือน เพื่อให้บ้านสะอาด รับสิ่งดีๆ ในวันสงกรานต์ โดยกรมอนามัย ได้กำหนดให้ระหว่างวันที่ 10-16เมษายน 2559เป็นสัปดาห์รณรงค์ทำความสะอาดบ้านพร้อมกัน ทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทำความสะอาดบ้านตามหลักสุขาภิบาล ส่งเสริมพฤติกรรมสุขอนามัยในครัวเรือน ที่ถูกต้อง ซึ่งหลักการทำความสะอาดบ้าน มี 5 ขั้นตอน คือ
1) เก็บสิ่งของเครื่องใช้ภายในบ้าน โดยจัดวางของที่จำเป็นให้เป็นระเบียบ ง่ายต่อการนำไปใช้ และไม่ควรเก็บสะสมสิ่งของที่ไม่จำเป็นไว้จนเกินสมควร เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นละอองและสิ่งสกปรก
2) กวาดหยากไย่ ฝุ่นละออง และเศษขยะทั้งภายในบ้านและบริเวณโดยรอบ
3)เช็ดถูคราบสกปรก ทำความสะอาดให้ทั่วถึง
4)ล้างทำความสะอาดส้วมสม่ำเสมอ
และ 5) คัดแยกขยะ ตามประเภท ได้แก่ ขยะอินทรีย์ เช่น เศษอาหาร เศษผัก ผลไม้ เป็นต้น
โดยเก็บใส่ถุงที่ไม่ฉีกขาดง่าย ไม่รั่วซึม มัดปากถุงให้แน่น หรือนำไปทำปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพ แก๊สชีวภาพ ส่วนขยะรีไซเคิล เช่น แก้ว กระดาษ ขวดพลาสติก โลหะ ให้เก็บรวบรวมเพื่อนำไปจำหน่าย สำหรับขยะอันตราย เช่น ถ่านไฟฉาย แบตเตอรี่ หลอดไฟ ให้จัดเก็บในภาชนะบรรจุเดิม รวบรวมและนำไปไว้ที่จุดทิ้งขยะอันตราย ส่วนขยะทั่วไป ให้เก็บรวบรวมใส่ถุงที่มีความเหนียวทนทาน ไม่ฉีกขาดง่าย ไม่รั่วซึม และมัดปากถุงให้แน่น ทิ้งลงถัง ปิดฝามิดชิด
"ทั้งนี้ หากพบว่าพื้นผิววัสดุภายในบ้านมีเชื้อราให้ใช้กระดาษทิชชูแผ่นหนาและขนาดใหญ่ หรือกระดาษหนังสือพิมพ์พรมน้ำให้เปียกเล็กน้อย เช็ดพื้นผิวไปในทางเดียว แล้วนำกระดาษทิชชูหรือกระดาษหนังสือพิมพ์ ทิ้งขยะมัดปากถุงให้เรียบร้อย เช็ดครั้งที่ 2ผสมกับน้ำสบู่ น้ำยาล้างจาน หรือผงซักฟอก อย่างใดอย่างหนึ่งแล้วเช็ดซ้ำแบบเดิมอีก เช็ดครั้งที่ 3ให้ผสมน้ำยาฆ่าเชื้อรา น้ำยาที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อราแบบอ่อน เช่น น้ำส้มสายชู (ความเข้มข้นอย่างน้อย 7%) สเปรย์ตั้งทิ้งไว้ประมาณ 5–10 นาทีแล้วเช็ดออก กำจัดได้ประมาณ 80% น้ำยาที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อราแบบเข้มข้น เช่น Sodium hypochlorite ใช้ผสมน้ำที่อัตราส่วน 1:10 สารนี้เป็นสารประกอบคลอรีนสามารถทำลายสปอร์ของเชื้อราได้ ขณะทำความสะอาดควรสวมถุงมือ หน้ากากปิดจมูกและปากป้องกันทุกครั้ง สำหรับวิธีขจัดตัวไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้จากตัวไรฝุ่นภายในห้องนอนและภายในบ้านนั้น ให้หมั่นทำความสะอาด ดูดฝุ่น ควรซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และผ้าห่มด้วยการต้มที่อุณหภูมิมากกว่า 55องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20นาที ทุก 1-2สัปดาห์ สามารถช่วยลดปริมาณ สารก่อภูมิแพ้ และไม่ควรมีพรมในบ้าน เพราะตัวไรฝุ่นสามารถยึดเกาะพรม ทำให้ไม่สามารถขจัดไรฝุ่นออกไปได้ อย่างไรก็ตามประชาชนต้องหมั่นดูแลรักษาความสะอาดภายในบ้านและพื้นที่รอบบ้านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค ยุง หนู แมลงสาบ ที่เป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออกและโรคติดต่อต่างๆ ตามมา” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ข่าวเด่น