นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผย ภายหลังจากที่เดินทางกลับจากการนำนักธุรกิจเดินทางไป ขยายตลาดข้าวและ ผลไม้ไทยในฮ่องกงเมื่อต้นเดือนเมษายน ที่ผ่านมานี้ว่า นอกเหนือจากความสำเร็จในการซื้อ-ขายข้าวจำนวน 150,000 ตัน และการผลักดันทวงคืนส่วนแบ่งตลาดข้าวไทยให้กลับมาเป็น 65% ได้แล้ว ยังได้มีโอกาสหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าฮ่องกง H.E. Gregory So ในการร่วมกันแก้ไขปัญหาการชุบสารขมิ้นและสารตกค้างในทุเรียน ซึ่ง ปัจจุบัน ไทยส่งออกทุเรียนไปยังฮ่องกงมากกว่า50%ของการส่งออกทั้งหมดของไทย โดยในปีที่ผ่านมามียอดการส่งออกไปฮ่องกงมากกว่า6,000ล้านบาท
ในอดีตที่ผ่านมามีการตรวจพบทุเรียนที่มีการใช้สารดังกล่าว และตามระเบียบการนำเข้าผัก/ผลไม้สดของฮ่องกงในปัจจุบันยัง ไม่อนุญาตให้ชุบหรือแช่สารใดๆรวมถึงขมิ้นด้วย รวมทั้งการใช้ เอทธิลีนหรือสารเร่งการสุกของผลไม้สูงเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนดให้ไม่เกิน 2 ppm
นางอภิรดี กล่าวว่า ในการหารือกับรัฐมนตรีกระทรวงการค้าฮ่องกง ได้มีการตกลงให้มีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว จนถึงขณะนี้ได้รับทราบรายงานความคืบหน้าล่าสุดจาก นายวิทยากร มณีเนตรผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง ว่าขณะนี้ทางหน่วยงานสุขอนามัยฮ่องกง (Food & Environment Hygiene Department : FEHD)ได้รายงานว่า จากการทำงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ของไทยทำให้ ไม่พบปัญหาการชุบขมิ้นของทุเรียนไทยในตลาดฮ่องกง แต่เนื่องจากยังเป็นช่วงต้นฤดู ดังนั้นทางกระทรวงพาณิชย์จะติดตาม และประสานงานอย่างใกล้ชิดกับทุกหน่วยต่อไป
ส่วนปัญหาสารเร่งการสุก (Ethephon) ตกค้างเกิน 2 ppm นั้น อยู่ที่วิธีการตรวจสารของ Codex ซึ่งทั้งสองฝ่ายร่วมหาแนวทางแก้ไขต่อไป โดยฝ่ายไทยได้เชิญหน่วยงานสุขอนามัยฮ่องกง (FEHD) เยี่ยมชมขั้นตอนการเตรียมสินค้าผลไม้เพื่อส่งออก พร้อมให้ข้อมูลผู้ประกอบการไทยระหว่างวันที่ 24-26 พ.ค.นี้และเยี่ยมชมงานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX World of Foodซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 25-29 พฤษภาคม 2559
งาน THAIFEX-World of Food Asia 2016 เป็นงานแสดงสินค้าเกษตร และอาหารที่สำคัญที่สุดในเอเซียจัดโดย กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ หอการค้าไทย และโคโลญแมสเซ่ ประเทศเยอรมนี ในปีนี้จะมีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหาร ทั้งในประเทศและต่างประเทศมาร่วมออกบูธกว่า 40 ประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,800 บริษัท 4,600 คูหา ภายใต้พื้นที่ 80,000 กว่าตารางเมตร คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานประมาณ 150,000 รายจากทั่วโลก และน่าจะก่อให้เกิดรายได้ทันทีในงานถึงกว่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งนางอภิรดี กล่าวว่าจะช่วยผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางอาหารโลกอย่างแท้จริง
ข่าวเด่น