กระทรวงเกษตรฯ วางแผนส่งเสริมการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม รองรับความต้องการตลาดโลกหลังจีนลดกำลังการผลิต หวังช่วยสร้างรายได้แก่เกษตรกรกว่า 12,000 บาท/เดือน
พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการวางแผนส่งเสริมการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม สืบเนื่องจากนโยบายของกระทรวงเกษตรฯ ที่ต้องการให้เกษตรกรทําการเกษตรให้เหมาะสมกับพื้นที่ ซึ่งในปัจจุบัน พบว่าพื้นที่การเกษตร 42.45 ล้านไร่ จาก 130.04 ล้านไร่ หรือ ร้อยละ 32.64 มีการปลูกพืชที่ไม่เหมาะสม และต้องการให้เกษตรกรทําการเกษตรแบบผสมผสานเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ และเป็นหลักประกันในยามที่สินค้าเกษตรหลักมีราคาตกต่ำ ประกอบกับสถานการณ์ด้านการตลาดของหม่อนไหมในปัจจุบัน พบว่าประเทศจีนลดกําลังการผลิตไหมลง ในขณะที่ความต้องการของตลาดโลกไม่ได้ลดลงตาม มีราคาที่คงตัว และโรงงานผลิตผ้าไหมในประเทศไทยมีความต้องการเส้นไหมดิบจํานวนมาก ยังขาดความต้องการอีกประมาณ 1,000 ตัน
กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมหม่อนไหม จึงได้วางแผนส่งเสริมการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมให้แก่เกษตรกร โดยมีแนวทาง ดังนี้ 1.การสนับสนุนต้นหม่อนพันธุ์ดี เป็นการลงทุนเพียงครั้งเดียวที่คุ้มค่า เพราะต้นหม่อนมีอายุ 40 ปี ใช้น้ำน้อยและสามารถเก็บผลผลิตได้ในระยะยาว 2.การสนับสนุนพันธุ์ไหมคุณภาพ พร้อมคําแนะนําในการเลี้ยง 3.เกษตรกรเลี้ยงตัวไหมโดยเก็บเกี่ยวใบหม่อนให้กิน เพื่อให้ผลิตรังไหม จากนั้นเก็บผลิตรังไหมส่งโรงงานแปรรูปต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ ได้เตรียมตลาดรองรับโดยได้ประสานงานกับบริษัท จรูญไหมไทย ในการรับซื้อผลผลิตรังไหม Contract Farming โดยประกันราคาขั้นต่ำที่ 180 - 200 บาท/กก. ซึ่งถ้าปลูกหม่อนในพื้นที่ จำนวน 6 ไร่ จะสามารถผลิตรังไหมได้จำนวน 720 กก./ปี ทำให้มีรายได้เฉลี่ย 12,000 บาท/เดือน นอกจากนี้ ยังมีรายได้เสริมจากปุ๋ยมูลไหม และผลิตภัณฑ์จากลูกหม่อนอีกด้วย นับว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรอีกทางหนึ่ง
ข่าวเด่น