หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้ เปิดทะลุแนว 1,400 จุด ผลักดันด้วยกลุ่มธนาคาร / พลังงาน รวมถึงหุ้น Big Cap อื่น ยกเว้นกลุ่มโรงกลั่นที่ Upside gain เริ่มจำกัด ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวกอีก 17.23 จุด มาอยู่ที่ 1,416.00 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 57,371 ล้านบาท
แม้ว่าต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 583 ล้านบาท แต่คง Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 5 อีก 4,025 สัญญา ส่วนตลาดตราสารหนี้ ต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 4 อีก 867 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
TMB รายงานงบ 1Q59 แย่กว่าคาด และสัญญาณเสี่ยงสำคัญคือ หนี้เสียที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด
ขณะที่ BBL – TCAP รายงานงบ 1Q59 ใกล้เคียงคาด
ครม.อนุมัติการปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมได้ ตามที่เสนอ เป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีกต่อเนื่อง
คาดต่างชาติใช้กลยุทธ์ Arbitrage ระหว่างตลาด Spot และ Futures
จับตากลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ หลังราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ฟื้นตัว พนักงานคูเวต ยกเลิกการประท้วงแล้ว
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 8)
SET INDEX กลับมายืนเหนือ 1,410 จุด ทำให้เราประเมินว่า upside gain ของ SET INDEX ช่วงสั้นเริ่มจำกัด ด่าน 1,420-1,425 จุดยังไม่น่าผ่านในช่วงสั้น เพราะขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน กรอบแกว่งวันนี้ ระหว่าง 1,410-1,425 จุด แม้ว่ากองทุนภายในประเทศ และพอร์ตโบรกเกอร์ จะกลับมาสะสมหุ้นไทยอย่างโดดเด่นก็ตาม เนื่องจาก Valuation ของตลาดหุ้นไทยกลับมาตึงตัวอีกครั้ง PER59 เท่ากับ 15.09x และ PER60 ที่ 13.27x แม้ว่าจะต่ำสุดในกลุ่ม TIP ก็ตาม แต่ YTD ที่ +9.94% เด่นสุดในเอเชีย กลายเป็นข้อจำกัดในช่วงนี้
กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำเริ่มทยอยขายทำกำไรบริเวณ 1,420 จุด หรือสูงกว่า พร้อมปรับพอร์ตสู่หุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นเชิงบวกเฉพาะตัว
เราคาดว่ากลุ่มน้ำมัน / โรงกลั่น / ปิโตรเคมี มีแนวโน้มเด่นในวันนี้ หลังการประท้วงของพนักงานในคูเวต ยุติลง ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีทิศทางของการอ่อนค่า ทำให้ราคาน้ำมันดิบ และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ดีขึ้น กลายเป็นประเด็นเก็งกำไร
ส่วนกลุ่มธนาคารที่ทยอยประกาศผลการดำเนินงาน เราคาดว่า TMB วันนี้จะเผชิญกับแรงขาย เมื่อหนี้เสียเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด จับตา Non-Bank ที่ผลการดำเนินงานออกมาโดดเด่น อย่าง THANI
Stock Pick of The Day
1. ทยอยสะสม KTB : ราคาปิด 17.70 บาท ราคาเหมาะสม 20.00 บาท
a) MBKET คาดว่า KTB จะได้ประโยชน์โดยตรงเนื่องจากมีสัดส่วนการปล่อยกู้โครงการภาครัฐฯ สูงสุดในกลุ่มธนาคาร หลังแผนลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ มีความคืบหน้า โดยวานนี้ครม.มีมติอนุมัติแผนลงทุนรถไฟฟ้าสายสีส้ม วงเงิน 8.3 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะเปิดประมูลได้ภายใน มิ.ย. 2559
b) ราคาหุ้นที่อ่อนตัวลงจากช่วงปลายเดือน มี.ค. เชื่อว่าได้สะท้อนทิศทางผลประกอบการ 1Q59 ที่จะลดลง yoy แล้ว ดังนั้น หากงบออกมาใกล้กับคาดการณ์เชื่อว่าราคาหุ้นจะฟื้นตัวได้
c) จะขึ้น XD หุ้นละ 0.76 บาท วันที่ 10 พ.ค. คิดเป็น Dividend Yield 4.2% และ Valuation ถูก ซื้อขายระดับ PER2559 เพียง 7.7 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มธนาคารที่ 9.2 เท่า
2. เก็งกำไร CPALL: ราคาปิด 46.00 บาท ราคาเหมาะสม 48.00 บาท
a) หุ้นกลุ่มค้าปลีกมี Sentiment บวก หลังวานนี้ครม.มีมติอนุมัติปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป ส่งผลให้ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 2.6 หมื่นบาทไม่ต้องเสียภาษี และการปรับช่วงภาษีจาก 5 ช่วงเป็น 7 ช่วง ทำให้ภาระภาษีของผู้มีรายได้เกิน 2.6 หมื่นบาทโดยรวมลดลงเช่นกัน
b) คาดกำไรสุทธิ 1Q59 เติบโต yoy จากการฟื้นตัวของ SSSG และภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจากการ Refinance ในปีที่ผ่านมา
c) Valuation น่าสนใจ ซื้อขายระดับ PER2559 ที่ 26.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ราว 30 เท่า และคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2559 เติบโต +12.8% yoy เป็น 1.54 หมื่นล้านบาท
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิเล็กน้อย US$38 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$263 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติกลับมาใช้ Arbitrage strategy อีกครั้ง
แม้ว่านักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง แต่ก็เพียง 583 ล้านบาท กดดันให้ YTD ซื้อสุทธิลดลงเล็กน้อย เป็น 14,169 ล้านบาท
แต่คง Long สุทธิ SET50 Index Futures เป็นวันที่ 5 ชะลอตัวเหลือ 4,025 สัญญา รวม 5 วันทำการ Long สุทธิทั้งสิ้น 31,152 สัญญา และทำให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเท่ากับ 17,530 สัญญา รวมถึงกดดันให้ S50M16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เท่ากับ 3.25 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 3.18 จุด
ขณะที่ตลาดตราสารหนี้นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงขายสุทธิเป็นวันที่ 4 อีก 867 ล้านบาท รวม 4 วันทำการขายสุทธิ 4,819 ล้านบาท โดยที่ราคาพันธบัตรไทยลดลงต่อเนื่อง อายุ 10 ปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นอีก 0.40bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 1.61bps ปิดที่ 1.705%
Short-Selling วานนี้
ลดลงเหลือ 733 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 901 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เลือกลดน้ำหนัก INTUCH เป็นหลัก
การซื้อขายผ่าน NVDR กลับมาขายสุทธิ 142 ล้านบาท จาก 2 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,622 ล้านบาท ทั้งนี้ NVDR เลือกลดน้ำหนักกลุ่ม ICT หนาแน่น ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นลบ
- ยอดก่อสร้างบ้านเดือนมี.ค. เท่ากับ 1.089 ล้านหลัง ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 1.167 ล้านหลัง และเดือนก่อนหน้าที่ 1.178 ล้านหลัง หรือลดลง 8.8% mom โดยเป็นยอดก่อสร้างบ้านเดียวและ multi-family ที่ลดลง
- ยอดอนุมัติการก่อสร้างบ้าน เดือนมี.ค. เท่ากับ 1.086 ล้านหลัง ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 1.20 ล้านหลัง และเดือนก่อนหน้าที่ 1.177 ล้านหลัง เนื่องจากเป็นผลของฤดูกาล ส่งผลให้ยอดอนุมัติลดลง 7.7% mom
ยุโรป
ความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมันเป็นบวกมากขึ้น: เดือนเม.ย. เท่ากับ 11.2 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 4.3 จุด และดีกว่า Bloomberg consensus คาด 8.0 จุด ถือเป็นการเพิ่มขึ้นเดือนที่ 2 และสูงสุดในรอบปีนี้ จากความกังวลต่อเศรษฐกิจจีนคลาตัว และ ECB ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในอียู
จีน
ไม่มี
เอเชียแปซิฟิก
ธนาคารกลางเกาหลีใต้ปรับประมาณการเศรษฐกิจลง: ประเมินเติบโต 2.8% ลดลงจากประมาณการก่อนหน้าที่ 3.0% พร้อมลดอัตราเงินเฟ้อปีนี้ลงเหลือ 1.2% จากเดิม 1.4% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% สอดคล้องกับ Bloomberg consensus พร้อมส่งสัญญาณ อัตราดอกเบี้ย ณ ปัจจุบันยังมีโอกาสให้ลดลงได้อีก หากจำเป็น
พนักงานคูเวต สิ้นสุดการ Strike แล้ว: เช้าวันที่ 20 เม.ย. หลังจากที่รัฐบาลยืนยันที่จะไม่เปิดการเจรจากับพนักงาน ตราบใดที่ยังมีการ Strike ต่อเนื่อง รัฐบาลจะใช้กฎหมายทุกทางเพื่อให้การผลิตยังคงดำเนินต่อไป และไม่อนุญาตให้มีการหยุดการผลิตเป็นการชั่วคราวเช่นกัน
ดุลการค้าของญี่ปุ่นเกินดุล: อยู่ที่ระดับ 7.55 แสนล้านเยนในเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่เกินดุลที่ระดับ 2.422 แสนล้านเยน เป็นผลจากค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นทำให้ราคาพลังงาน รวมถึงสินค้านำเข้าอื่นลดลง ทำให้ยอดนำเข้าหดตัว 14.9% yoy ด้านการส่งออกยังหดตัว 6.8% yoy ในเดือน มี.ค. ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์หดตัว 7.0% yoy แต่เร่งตัวจากเดือนก่อนที่ -4.0% yoy
ไทย
รัฐบาลปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา: ครม.มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใหม่ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปีภาษี 2560 เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลให้รัฐบาลสูญเสียรายได้ปีละ 32,000 ล้านบาท สำหรับโครงสร้างภาษีใหม่ที่ปรับปรุง คือ ปรับปรุงการหักค่าลดหย่อน สำหรับผู้มีเงินได้ จากเดิม 30,000 บาท เป็น 60,000 บาท ค่าลดหย่อนสำหรับคู่สมรสของผู้มีเงินได้ จากเดิม 30,000 บาท เป็น 60,000 บาท ค่าลดหย่อนบุตรจากเดิมคนละ 15,000 บาท และจำกัดจำนวนไม่เกิน 3 คน เป็นคนละ 30,000 บาท โดยไม่จำกัดจำนวนบุตร และยกเลิกค่าลดหย่อนการศึกษาบุตร จากเดิมที่ให้หักลดหย่อนคนละ 2,000 บาท กรณีที่คู่สมรสต่างฝ่ายต่างมีเงินได้ ให้หักลดหย่อนรวมกันได้ไม่เกิน 120,000 บาท
ครม.อนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม: ครม.ได้อนุมัติให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรมมีนบุรี ระยะทาง 21.2 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 82,907 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้างงานโยธา 76,632 ล้านบาท ค่าที่ปรึกษา 2,789 ล้านบาท และค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด 3,486 ล้านบาท ลดลงจากวงเงินเดิมที่กำหนดไว้ 85,483 ล้านบาทหรือลดลง 2,576 ล้านบาท เนื่องจากมีการพิจารณาใช้วัสดุอุปกรณ์ในประเทศเพิ่มมากขึ้น โดย ครม.ได้เร่งประกวดราคาเพื่อหาผู้รับเหมาให้ได้ภายใน 2 เดือนหรือเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อให้เริ่มก่อสร้างได้ในปีนี้
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 20 เม.ย. 2559
ข่าวเด่น