หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้ แกว่งในกรอบแคบระหว่าง 1,410-1,420 จุด หุ้นหลักในกลุ่มธนาคารเผชิญกับแรงขาย หลัง BBL / TMB รายงาน NPLs เพิ่มขึ้น ขณะที่กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นเด่น ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ลบเล็กน้อย 1.04 จุด มาอยู่ที่ 1,414.96 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 46,009 ล้านบาท
เม็ดเงินต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทย 139 ล้านบาท คง Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 6 อีก 4,578 สัญญา แม้ว่าจะขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 5 เร่งขึ้นเป็น 4,366 ล้านบาทก็ตาม
ปัจจัยสำคัญวันนี้
KBANK รายงานกำไรสุทธิ 1Q59 ดีกว่าคาด 8%
ติดตามการประกาศงบ 1Q59 ของ KTB เย็นนี้
ติดตามการประชุม ECB ต่อทิศทางนโยบายการเงินจะมีการผ่อนคลายเพิ่มเติมหรือไม่
ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดบวกเด่น หลัง EIA รายงานปริมาณสต็อกน้ำมันดิบต่ำกว่าคาด
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 9)
เราประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX วันนี้ระหว่าง 1,410-1,420 จุด มูลค่าการซื้อขายระดับ 4.5-5.0 หมื่นล้านบาท/วัน ใกล้เคียงกับวานนี้ เพราะขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน หุ้นขนาดใหญ่เริ่มมี Valuation ที่ตึงตัวมากขึ้น ขณะที่หุ้นหลักในกลุ่มธนาคารเชื่อว่าจะยังเผชิญกับแรงขาย / ปรับพอร์ตการลงทุน หลังงบ 1Q59 ปัจจัยเสี่ยงด้านหนี้เสีย / การตั้งสำรองที่อยู่ในระดับสูง
หุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นเฉพาะตัวจะยังมีความน่าสนใจในช่วงนี้ ส่วนหุ้นขนาดใหญ่เข้าสู่ช่วงพักฐาน อาจมีเด่นเป็นบางตัว ขึ้นอยู่กับปัจจัยเฉพาะของหุ้นนั้นๆ
สำหรับการประชุม ECB ในค่ำวันนี้ เราคาดว่า ECB จะคงนโยบายการเงิน แต่ประธาน ECB อาจส่งสัญญาณพร้อมผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม เช่นลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพิ่มขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจในอียูเริ่มส่งสัญญาณอ่อนแรงต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้สภาพคล่องทางการเงินในระบบการเงิน / การลงทุน ล้นมากขึ้น
กลยุทธ์การลงทุนโดยรวม เราคงแนะนำให้ “ขายทำกำไร” ต่อเนื่อง โดยเน้นถือเงินสดที่มากขึ้น และปรับพอร์ตการลงทุนมาในหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นเด่นเฉพาะตัวแบบจำกัดวงเงิน
Stock Pick of The Day
1. เก็งกำไร PTTGC : ราคาปิด 60.75 บาท ราคาเหมาะสม 70.00 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี จะเป็นกลุ่มนำตลาดวันนี้ หลังราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวขึ้น +4% dod หลัง EIA รายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดการณ์ และแรงเก็งกำไรว่าอาจมีการประชุมระหว่างรัสเซีย - OPEC ในเดือน พ.ค. เพื่อหารือเรื่องกำลังการผลิตน้ำมัน
b) คาดผลประกอบการ 1Q59 จะฟื้นตัวเด่น qoq จากแรงหนุนของธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ที่ Spread ปรับตัวขึ้น qoq ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นคาดว่าจะทรงตัว qoq แต่จะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันเป็นจำนวนมากเหมือนใน 4Q58 ที่ผ่านมา
c) Valuation ไม่แพง ซื้อขายระดับ PBV2559 ที่ 1.1 เท่า และทางเทคนิคหากปรับตัวผ่านบริเวณ 62.00 บาทได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 64.00 บาท +/-
2. เก็งกำไร THANI: ราคาปิด 3.24 บาท ราคาเหมาะสม 3.66 บาท
a) THANI รายงานกำไรสุทธิ 1Q59 เติบโต +20% yoy และ +23% qoq เป็น 209 ล้านบาท จากสินเชื่อที่ขยายตัวถึง +3.4% qoq และ NIM เพิ่มขึ้นเป็น 4.6% จาก 1Q58 ที่ 4.5%
b) คงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการปี 2559 ที่คาดว่าจะเติบโต +6% yoy เป็น 861 ล้านบาท และต่อเนื่อง +14% yoy เป็น 986 ล้านบาท ในปี 2560 และเป็น 1 ในหุ้นที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากภาวะดอกเบี้ยต่ำในประเทศเนื่องจากทำธุรกิจเช่าซื้อ และหากกนง.ลดดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือน พ.ค. จะส่งผลให้ NIM ใน 2H59 มีโอกาสขยับขึ้นได้อีก
c) Valuation น่าสนใจ ซื้อขายที่ PE2559 เพียง 8.1 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันในเกณฑ์ดีที่ 6%
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก US$122 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$38 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติเพิ่มน้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง เพียง 139 ล้านบาทเท่านั้น ช่วยให้ YTD ซื้อสุทธิขยับขึ้นเล็กน้อย เป็น 14,308 ล้านบาท
คง Long สุทธิ SET50 Index Futures เป็นวันที่ 6 อีก 4,578 สัญญา รวม 6 วันทำการ Long สุทธิทั้งสิ้น 35,730 สัญญา และทำให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิทะลุ 20,000 สัญญา เป็น 22,108 สัญญา ขณะที่ S50M16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เท่ากับ 3.54 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 3.25 จุด
ขณะที่ตลาดตราสารหนี้นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงขายสุทธิเป็นวันที่ 5 เร่งขึ้นเป็น 4,366 ล้านบาท รวม 5 วันทำการขายสุทธิ 9,185 ล้านบาท โดยที่ราคาพันธบัตรไทยลดลงเล็กน้อย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 0.31bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้นเพียง 0.40bps ปิดที่ 1.708%
Short-Selling วานนี้
ขยับขึ้นเป็น 947 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 733 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR กลับมาซื้อสุทธิ โดยเน้น Global Play อีกครั้ง
การซื้อขายผ่าน NVDR กลับมาซื้อสุทธิ 908 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 142 ล้านบาท ทั้งนี้ NVDR กลับมาเน้นสะสมกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์เป็นหลัก กลุ่ม ICT / ธนาคาร ยังคงถูกขายสุทธิหนาแน่นต่อเนื่อง
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นบวก
- ยอดขายบ้านมือสอง เดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 5.1% mom เป็น 5.330 ล้านหลัง ดีกว่า Bloomberg consensus คาดเล็กน้อยที่ 5.268 ล้านหลัง และเดือนก่อนหน้าที่ 5.070 ล้านหลัง โดยยอดขายบ้านมือสองที่เป็นบ้านเดียว เพิ่มขึ้น 5.5% mom ขณะที่ยอดขายคอนโดมิเนียมมือสองกลับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.8% mom
ยุโรป
ยอดการหางานในอังกฤษเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2558: ยอดผู้หางาน เพิ่มขึ้น 21,000 ตำแหน่ง เป็น 1.7 ล้านตำแหน่ง ใน 3 เดือนสิ้นสุดเดือนก.พ. แต่คงอัตราการว่างงานเท่ากับ 5.1% เท่ากับที่ตลาดคาดการณ์ ทั้งนี้การจ้างงาน เพิ่มขึ้น 20,000 ตำแหน่ง ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2558
จีน
ธนาคารกลางจีนอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ: วันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนได้ประมูลพันธบัตร 7 วัน Repurchase มูลค่า 2.5 แสนล้านหยวน เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ. เพื่อเป็นการคลายแรงกดดันในตลาดเงินของจีนที่ตึงตัวในปัจจุบัน
ทางการจีนเตรียมประกาศวันเชื่อมต่อการซื้อขายตลาดหุ้นฮ่องกงและเซินเจินก่อนเดือนก.ค.: โดยการประกาศครั้งนี้จะมีการกำหนดวันเชื่อมโยงระหว่าง 2 ตลาดอย่างเป็นทางการ ซึ่งการเชื่อมโยงนี้ จะทำให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้าลงทุนในบริษัทเทคโนโลยี และหุ้นเติบโตสูงของจีนได้ง่ายขึ้น
ตลาดคาดธนาคารกลางจีนอาจลดดอกเบี้ยใน 4Q59 : โดยการสำรวจของ Bloomberg พบว่าตลาดคาดธนาคารกลางจีนจะคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 1 ปีที่ 4.35% ไปจนถึง 3Q59 ก่อนที่จะปรับลดลงเป็น 4.10% ใน 4Q59 ซึ่งยืดเวลาการลดอัตราดอกเบี้ยออกจากการสำรวจ เดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ตลาดคาดว่าธนาคารกลางจีนจะลดอัตราดอกเบี้ยใน 2Q59 และลดอีกครั้งใน 4Q59 เป็น 3.85%
เอเชียแปซิฟิก
ตัวเลขการส่งออกของญี่ปุ่นหดตัวเป็นเดือนที่ 6: การส่งออกเดือนมี.ค. ลดลง 6.8% yoy เร่งขึ้นจากเดือนก.พ.ที่ -4.0% yoy แต่ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์ เนื่องจากเศรษฐกิจตลาดคู่ค้าอย่างจีน และตลาดเกิดใหม่ชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของญี่ปุ่น
ธนาคารกลางตุรกีลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็น 10%: เป็นการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 50bps สอดคล้อกับที่ตลาดคาดการณ์ ซึ่งเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งที่ 2 ต่อเนื่องจากการประชุมเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา และคงอัตราดอกเบี้ย RP7 วันและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ Overnight เท่ากับ 7.50% และ 7.25% ตามลำดับ
อัตราเงินเฟ้อมาเลเซียชะลอตัวลง: เพิ่มขึ้น 2.6% yoy ในเดือน มี.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 4.2% yoy ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี และต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดที่ +3.4% yoy ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญมาจากราคาขนส่งที่ลดลง
คำสั่งภาคส่งออกไต้หวันหดตัวน้อยกว่าคาด: ลดลง 4.7% yoy สำหรับเดือน มี.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่ -7.4% yoy และดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดหดตัว 8.0% yoy ทั้งนี้คำสั่งจากสหรัฐฯลดลง 2.2% yoy เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -4.5% yoy เช่นเดียวกับคำสั่งจากจีนที่ลดลง 7.5% เทียบกับเดือนก่อนที่ -12.1% yoy โดยตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงการส่งออกใน 1-3 เดือนข้างหน้า
ไทย
ไม่มี
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 21 เม.ย. 2559
ข่าวเด่น