นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังประชุมติดตามความคืบหน้าแนวทางการยกระดับการจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ (Doing Business) โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า ในที่ประชุมมีการรายงานความคืบหน้าในการขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจต่อ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี หลังจากที่ได้ดำเนินการแก้ไขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่การจดทะเบียนตั้งธุรกิจ การขอใบอนุญาตเปิด-ปิดกิจการ การขอใบอนุญาตสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รวมทั้งในการรับจ่ายเงินของหน่วยงานภาครัฐที่จะใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีเพย์เมนท์ (e-Payment) ทุกขั้นตอนภายในสิ้นปีนี้
รมว.คลัง กล่าวว่ามั่นใจว่าในปี 2559 ภายหลังการประเมินของธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ไทยจะมีอันดับที่ดีขึ้นแน่นอน เนื่องจากที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดบูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับภาคเอกชนด้วย เริ่มจากการตั้งโจทย์ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการทำงาน หลักคือทำอย่างไรให้การทำธุรกิจมีความสะดวกที่สุด โดยหลายระบบก็มีความเชื่อมโยงกับระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ที่รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการอยู่ มีการปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ ที่เคยเป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจให้มีความสะดวกมากขึ้น
ทั้งนี้ เวิลด์แบงก์จะสรุปผลการประเมินในวันที่ 1 มิถุนายน จากปัจจุบันซึ่งอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจของไทยที่อยู่อันดับ 49 จาก 189 ทั่วโลก ซึ่งรัฐบาลไม่ได้หวังแค่เพียงการขยับอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดความสะดวกในการทำธุรกิจในทางปฏิบัติอย่างจริงจัง
ข่าวเด่น