กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สนช. และสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ (สอว.) ร่วมกับอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ และสภาอุตสาหกรรมภาคเหนือ เปิดตัวโครงการ “NTFV’s Innovation Campaign (Northern Thailand Food Valley’s Innovation Campaign)” เพื่อเร่งส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรมในระดับภูมิภาคให้กับผู้ประกอบการด้านอาหารของไทย
รศ.ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า “กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ มีกลไกขับเคลื่อนงานด้าน วทน. สู่จังหวัด ชุมชน ท้องถิ่น อยู่หลายภาคส่วน หนึ่งในนั้นมีกลไกของ สอว. ที่มีภารกิจหลักในการสนับสนุนอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการวิจัยเพื่อกระตุ้นการทำวิจัยและพัฒนาในภาคเอกชน รวมถึงการสร้างผู้ประกอบการฐาน วทน. การพัฒนาศักยภาพทางเทคโนโลยีของผู้ประกอบการ และการผลักดันงานวิจัยออกสู่เชิงพาณิชย์ โดยจะใช้ศักยภาพของมหาวิทยาลัยในพื้นที่เป็นฐานในการพัฒนาอุทยานวิทยาศาสตร์ โดยมีมหาวิทยาลัยที่เป็นแกนหลักดำเนินการพัฒนาและดำเนินงานอุทยานวิทยาศาสตร์ร่วมกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยและหน่วยงานอื่นๆ ในพื้นที่ เพื่อให้มีเป้าหมายการดำเนินงานที่ชัดเจนและสอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ ปัจจุบันมีจำนวนทั้งหมด 13 มหาวิทยาลัย กระจายอยู่ในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะในภาคเหนือมีถึง 7 มหาวิทยาลัยที่ป็นเครือข่ายอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค”
จากความพร้อมของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ที่มีทั้งโครงสร้างพื้นฐานที่จะรองรับงานด้านการวิจัยและพัฒนา มีกลไกร่วมรับความเสี่ยงในการนำ วทน. ไปใช้ประโยชน์ และศักยภาพของภาคเอกชนในพื้นที่ที่มีความเข้มแข็ง จึงมีแนวทางในการยกระดับความสามารถการแข่งขันของผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมอาหารในพื้นที่ภาคเหนือด้วย วทน. ในระยะแรกคือ การกระตุ้นการพัฒนานวัตกรรม ด้วยมาตรการสนับสนุนเงินอุดหนุนในโครงการ NTFV’s Innovation Campaign สำหรับการพัฒนานวัตกรรมอาหารและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง วงเงินสูงสุดไม่เกิน 800,000 บาท ต่อโครงการ โดยเอกชนจะต้องลงทุนร่วมด้วยอย่างน้อยร้อยละ 25 ของมูลค่าโครงการรวม ผู้เสนอโครงการจะต้องสมัครเป็นสมาชิกของ Northern Thailand Food Valley ทั้งนี้ การพิจารณาโครงจะใช้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นผู้แทนทั้งจาก สอว. สนช. สภาอุตสาหกรรมภาคเหนือ หอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคเหนือ และนักวิชาการ โดยโจทย์สำคัญมุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าด้วยนวัตกรรม ที่อาจจะอยู่ในกรอบการพัฒนาผลิตภัณฑ์ (อาหารฟังก์ชั่น อาหารทางการแพทย์ อาหารอินทรีย์ อาหารที่ผลิตขึ้นใหม่ทางนวัตกรรม) หรือการพัฒนากระบวนการและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง โดยตั้งเป้าหมาย
จะสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs อุตสาหกรรมอาหารในพื้นที่ภาคเหนืออย่างน้อย 200 ราย ให้มีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มสูงขึ้นด้วย วทน. เกิดการขับเคลื่อนระบบพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษนวัตกรรมอาหารสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มในระบบเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมอาหารในพื้นที่ภาคเหนือมากกว่าร้อยละ 20 ประมาณการมูลค่าเพิ่มกว่า 4,600 ล้านบาท พร้อมทั้งเป็นการเตรียมพร้อมผู้ประกอบการ SMEs ภาคเหนือรองรับการขยายของ Food Innopolis ที่อาจมีการขยายผลการขับเคลื่อนไปยังภูมิภาคอื่นๆ ในอนาคตต่อไป
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ สนช. กล่าวว่า “โครงการพื้นที่เศรษฐกิจนวัตกรรมอาหาร (Food Innovation Zone; FIZ) เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนา “Northern Thailand Food Valley” ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการสร้างความสามารถด้านนวัตกรรมอาหารในพื้นที่ที่มีความหนาแน่นและมีศักยภาพของผู้ประกอบการด้านอาหารในรูปแบบเครือข่ายวิสาหกิจนวัตกรรม เพื่อยกระดับและสร้างให้เกิดความแตกต่างรวมทั้งการสร้างมูลค่าของผลิตภัณฑ์และบริการตลอดห่วงโซ่การผลิต ตลอดจนการจัดการด้านอาหารปลอดภัย และระบบธุรกิจอัจฉริยะ ทั้งระดับต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ อันจะเป็นการสนับสนุนให้อุตสาหกรรมอาหารสามารถแข่งขันได้และเติบโตอย่างยั่งยืน
โดยมีเป้าหมาย 3 ด้าน คือ สร้างระบบนิเวศนวัตกรรม ด้วยการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ข้อมูล เทคโนโลยี นวัตกรรม และแรงงานระหว่างกันในพื้นที่เป้าหมาย พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสนับสนุนการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น การจัดการอาหารปลอดภัย โลจิสติกส์ ระบบสารสนเทศ การวิจัยทางการตลาด การสร้างตราสินค้า และการสร้างโอกาสทางการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ และสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าและบริการในพื้นที่เป้าหมายรวมทั้งกระบวนการผลิตใหม่ๆ ที่จะส่งผลต่อการสร้างนวัตกรรมอันจะนำไปสู่การเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของพื้นที่เป้าหมาย รวมถึงแนวทางในการพัฒนาธุรกิจ 4 ด้าน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อาหารรูปแบบใหม่ ได้แก่ อาหารฟังก์ชัน/อาหารทางการแพทย์/อาหารอินทรีย์ ระบบการจัดการด้านอาหารปลอดภัย รูปแบบการจัดการธุรกิจอัจฉริยะ และเครื่องจักรและกระบวนการผลิตอัตโนมัติ”
“ระยะแรก สนช. ได้ดำเนินโครงการนำร่องในเขตพื้นที่จังหวัดภาคเหนือตอนบน เนื่องจากพบว่ากลุ่มจังหวัดภาคเหนือมีศักยภาพและความหนาแน่นของผู้ประกอบการด้านอาหารสูง โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง มีสถานประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น 2,260 สถานประกอบการ มีปริมาณผลผลิตทางการเกษตรประมาณ 500 ล้านตันต่อปี และมีหน่วยงานที่สนับสนุนการสร้างความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 150 หน่วยงาน
ดังนั้น สนช. จึงร่วมกับ สอว. โดยอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ กำหนดมาตรการการสนับสนุนและกิจกรรมการสร้างความสามารถด้านนวัตกรรมให้กับผู้ประกอบการอาหารในพื้นที่ ได้แก่ NTFV’s Innovation Campaign (มาตรการการสนับสนุเงินอุดหนุนเพื่อกระตุ้นการพัฒนานนวัตกรรมในอุตสาหกรรมอาหารของพื้นที่ภาคเหนือ) Innovation Diffusion (มาตรการสนับสนุนเงินอุดหนุนเพื่อให้เกิดการเผยแพร่ผลงานนวัตกรรมสู่ระดับชุมชน วิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์การเกษตร) และการจัดทำ Demand-side survey (มาตรการการสนับสนุนการสร้างความสามารถด้านนวัตกรรมของผู้ประกอบการ นอกเหนือจากมาตรการทางการเงิน) โดยมุ่งหวังว่าจะก่อให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มที่สูงมากให้แก่ท้องถิ่น และพัฒนาให้พื้นที่ภาคเหนือเป็นศูนย์กลางการพัฒนานวัตกรรมอุตสาหกรรมอาหารของอาเซียนต่อไป” ดร. พันธุ์อาจ กล่าวเพิ่มเติม
ข่าวเด่น