ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง- บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 


ตลาดหุ้นไทยวานนี้
         
SET INDEX วานนี้ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป หุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร และ ICT เป็นตัวประคองภาพรวม ตามมาด้วยหุ้นขนาดใหญ่อย่าง SCC / AOT ผลักดันให้ SET INDEX บวกเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 10.07 จุด มาอยู่ที่ 1,418.78 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 43,124 ล้านบาท
ต่างชาติยังคงขายสุทธิทั้ง 3 ตลาดพร้อมกันเป็นวันที่ 2 ตลาดหุ้นขายสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก 1,391 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 2,449 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 อีก 3,478 ล้านบาท

 
ปัจจัยสำคัญวันนี้
          ครม.วานนี้อนุมัติแผนการลงทุนรถไฟรางคู่ เส้นทางประจวบ-ชุมพร ส่วนอีก 4 เส้นทาง ก.คมนาคมเตรียมเสนอในเดือนพ.ค.
          ติดตามผลการประชุมเฟดคืนนี้ 
          ติดตามผลการดำเนินงาน SCC ช่วงปิดตลาดเช้าวันนี้ เราคาดกำไรสุทธิ 11,845 ล้านบาท
 
 

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 12)
         
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ฟื้นตัวได้แข็งแกร่งกว่าที่เราคาดการณ์ ขณะที่วันนี้นักลงทุนทั่วโลกต่างรอฟังความเห็นของประธานเฟดในคืนนี้ หลังสิ้นสุดการประชุมเฟด เราคาดว่า SET INDEX น่าจะกลับมาแกว่งแคบอีกวัน ประเมินกรอบแกว่งระหว่าง 1,415-1,430 จุด ทั้งนี้ SET INDEX จะทดสอบและทะลุผ่าน 1,430 จุดได้ หากผลการดำเนินงานของ SCC ที่จะประกาศหลังปิดตลาดรอบเช้าวันนี้ ออกมาดีกว่าคาด MBKET ประเมินกำไรสุทธิ 11,845 ล้านบาทเติบโต 7% yoy และ 3% qoq 
         
ขณะที่หุ้น Big Cap ในกลุ่มหลัก ทั้งพลังงาน / ปิโตรเคมี / ธนาคาร / ICT มีแนวโน้มทรงตัวหรือแกว่งในกรอบแคบ ยกเว้นหุ้นหลักบางตัวที่ขึ้นมาช้ากว่าภาพรวมของกลุ่ม หรือมีประเด็นเชิงบวกเฉพาะตัว อาจขยับขึ้นได้ดีกว่าภาพรวม
         
สำหรับความเห็นต่อการประชุมเฟดคืนนี้ คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 3 พร้อมให้น้ำหนักกับความเสี่ยงเศรษฐกิจโลก และอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ที่จะทำให้เฟดประวิงเวลาการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ประเมินว่าเฟดจะคงเป้าหมายการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้เช่นเดิม ซึ่งจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กลับมาแกว่งในกรอบแคบมากขึ้น 

Stock Pick of The Day          
          1.  สะสม TPIPL : ราคาปิด 2.54 บาท ราคาเหมาะสม 3.40 บาท
          a)  MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มปูนซีเมนต์ และคาดว่าราคาหุ้นจะตอบรับเชิงบวก จากความคืบหน้าของโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ  หลังวานนี้ครม.มีมติอนุมัติโครงการรถไฟฟ้ารางคู่ ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร มูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะเปิดประมูลได้ในเดือน พ.ค.
          b)  คาดผลประกอบการ 1Q59 จะเป็น Catalyst ให้ราคาหุ้นฟื้นตัว โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตทั้ง yoy และ qoq เป็น 400-500 ล้านบาท จากแรงหนุนของธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะที่จะรับรู้รายได้เต็มไตรมาส และเป็นไตรมาสแรกที่เดินเครื่องโดยใช้กำลังการผลิตเต็มที่ 
          c)  คาดกำไรสุทธิปี 2559 เติบโต +600% yoy เป็น 2,879 ล้านบาท และ Valuation ถูก ซื้อขายระดับ PBV2559 เพียง 0.86 เท่า ต่ำกว่า SCC ที่ 2.53 เท่า และ SCCC ที่ 3.23 เท่า           
          2.  เก็งกำไร CKP: ราคาปิด 2.22 บาท ราคาเหมาะสม 2.75 บาท
          a)  MBKET คาดว่าหุ้น Defensive จะ Outperform ตลาดในเดือน พ.ค. เนื่องจากเชื่อว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะมีความผันผวนมากขึ้น และส่งผลให้ SET INDEX มีโอกาสถูกขายทำกำไร หลังปรับตัวขึ้นราว 10% YTD
          b)  การปรับตัวขึ้นของราคาหุ้น GPSC +32.8% YTD ส่งผลให้หุ้น CKP ที่ปรับตัวขึ้น +12.2% มีความน่าสนใจมากขึ้น เนื่องจากทั้ง 2 บริษัทถือหุ้นในโครงการไซยะบุรีซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญในการผลักดันการเติบโตของกำไรแบบก้าวกระโดดตั้งแต่ 2H61 เป็นต้นไป โดย CKP ถือหุ้น 30% และ GPSC ถือหุ้น 25% ในไซยะบุรี 
          c)  คาดกำไรสุทธิปี 2559 เติบโต +16.7% yoy เป็น 487 ล้านบาท และซื้อขายที่ PBV2559 เพียง 0.89 เท่า ต่ำกว่า GPSC

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ เพียง US$22 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$185 ล้าน 

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติขายสุทธิทั้ง 3 ตลาดเป็นวันที่ 2 
          นักลงทุนต่างชาติคงการขายสุทธิเป็นวันที่ 3 เร่งขึ้นเป็น 1,391 ล้านบาท รวม 3 วันทำการขายสุทธิ 1,445 ล้านบาท และกดดัน YTD ซื้อสุทธิลดลงเล็กเหลือ 1,4713 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคง Short สุทธิเป็นวันที่ 2 เพิ่มขึ้นเป็น 2,449 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 3,089 สัญญา เทียบกับ 8 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิทั้งสิ้น 44,920 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Long ต่อเนื่อง อีกครั้ง S50M16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงอีกเหลือเพียง 0.25 จุดเท่านั้น จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 1.57 จุด ส่งผลให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิต่ำกว่า 30,000 สัญญา เป็น 28,209 สัญญา    
 
และตลาดตราสารหนี้นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 2 ขยับขึ้นเป็น 3,478 ล้านบาท รวม 2 วันทำการขายสุทธิ 4,170 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 5,399 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยฟื้นตัวเป็นวันที่ 2 อีกเล็กน้อย พันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงอีก 1.57bps จากวันก่อนหน้าลดลง 2.09bps ปิดที่ 1.777% 

Short-Selling วานนี้ 
ลดลงเหลือ 661 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,252 ล้านบาท 

NVDR Movement
NVDR กลับมาซื้อสุทธิ เน้นกลุ่มธนาคาร และโรงพยาบาล ที่ปรับตัวลงในสัปดาห์ก่อนหน้า
          การซื้อขายผ่าน NVDR กลับมาซื้อสุทธิ 616 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 139 ล้านบาท ทั้งนี้ กลับมาสะสมกลุ่มธนาคาร และโรงพยาบาล อย่างโดดเด่น อีกครั้ง  

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
          ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง
          - คำสั่งซื้อสินค้าคงทน เดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 0.8% mom ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด +1.6% mom แต่ฟื้นตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ -3.1% mom เนื่องจากยอดคำสั่งซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ แต่ยอดคำสั่งซื้อยานยนต์กลับหดตัว 3.0% mom สะท้อนความอ่อนแอของภาคค้าปลีก
          - ดัชนีราคา S&P CS เดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 0.7% mom เท่ากับ Bloomberg consensus คาด แต่ชะลอตัวเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่ +0.8% mom 
          - ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนเม.ย. เท่ากับ 94.2 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 96.0 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 96.1 จุด แต่ยังคงเป็นไปตามทิศทางค่าเฉลี่ย 6 เดือน ขณะที่ระดับการจ้างงานที่ยากขึ้น 
 

ยุโรป
          เดนมาร์กปรับประมาณการ GDP ปีนี้ลง: เป็น 1.1% จากประมาณการเดิมที่ 1.9% ในเดือนธ.ค. เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำ และการส่งออกที่อ่อนแอ ซึ่งเศรษฐกิจเดนมาร์กเป็นส่งออกสุทธิด้วยน้ำมัน สำหรับเศรษฐกิจปีหน้าคาดว่าจะเติบโต 1.7% โดยที่งบประมาณคาดว่าจะขาดดุล 2.3% ของ GDP ในปีนี้ และ 1.9% ของ GDP ในปีหน้า
          นายกฯ กรีซ ยืนยันการเจรจากับเจ้าหนี้รอบใหม่จะมีรับเงื่อนไขเพิ่ม: นาย Alexis Tsipas ยืนยันกับสส.ในสภา ว่าเขาจะไม่รับเงื่อนไขการปฎิรูปการคลังเพิ่มเติมจากทางเจ้าหนี้ ขณะที่เจ้าหนี้ ต้องการให้กรีซปรับงบประมาณให้เข้มงวดมากขึ้นอีก 3.5 พันล้านยูโร 
 

จีน          
          IMF เตือนการแก้ไขปัญหาหนี้เสียในระบบการเงิน: ตามแผนที่ทางการจีนต้องการแปลงหนี้เป็นทุน อาจทำให้บริษัทรัฐวิสาหกิจที่ไม่มีประสิทธิภาพจะยังคงอยู่ต่อไปได้ และจะสร้างความขัดแย้งในแง่ของผลประโยชน์กับเจ้าหนี้ ขณะที่ทางการจีนเสนอแผนนี้ขึ้นมา เพื่อให้ง่ายต่อการแก้ไขปัญหาหนี้เสียในระบบสถาบันการเงิน รวมถึงสถาบันการเงินอาจขายหนี้ NPLs ในลักษณะของตราสารทุน 

เอเชียแปซิฟิก
          กองทุนพัฒนามาเลเซียผิดนัดชำระดอกเบี้ยจ่าย: มูลค่า US$50 ล้าน จากเงินต้น US$1.75 พันล้าน ซึ่งครบกำหนดชำระดอกเบี้ยจ่ายวันที่ 26 เม.ย. ทั้งนี้ผู้ร่วมค้ำประกัน International Petroleum Investment Co. ซึ่งเป็นบริษัทในอาบูดาบี ก็ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยจ่ายได้เช่นกัน ส่งผลให้ตราสารหนี้ชุดนี้ เข้าเงื่อนไขการผิดนัดชำระหนี้ (Triggered Cross Default) มูลค่า 7.4 พันล้านริงกิต หรือ US$1.9 พันล้าน ของยอดหนี้ 1MDB
          ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสิงคโปร์หดตัวน้อยกว่าคาด: ลดลง 0.5% yoy ในเดือน มี.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่ -4.7% yoy เทียบกับ Bloomberg Consensus คาด -2.0% yoy นอกจากนี้ยังเป็นการขยายตัว 1.0% mom นำโดยการผลิตอิเล็กทรอนิกส์และเวชภัณฑ์ขยายตัว 5.8% และ 27.9% yoy ตามลำดับ ขณะที่ปิโตรเคมีลดลง 18.4% yoy

ไทย
          ครม.อนุมัติโครงการรถไฟรางคู่ช่วงประจวบ – ชุมพร: รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยกับ รฟท.เตรียมเปิดประมูลและเคาะราคาโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 1.7 หมื่นล้านบาทได้ประมาณต้นเดือน ส.ค.นี้ โดยวิธีประมูลผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) หลังครม. อนุมัติโครงการ รฟท.คาดเปิดขายซองประกวดราคา และให้ยื่นซองประมูลได้ประมาณปลายเดือนพ.ค.นี้ ส่วนโครงการรถไฟทางคู่อีก  3 เส้นทาง ได้แก่  ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กม. วงเงิน 2.98 หมื่นล้านบาท ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กม. วงเงิน 2.48 หมื่นล้านบาท ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กม. วงเงิน 2.03 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะนำเข้าเสนอต่อที่ประชุมครม.เพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการ ในอีก 1-2 สัปดาห์ และคาดว่าจะเปิดประมูลเคาะราคาได้ในเดือนก.ย. นี้ ด้วยวิธี e-Auction เหมือนกัน 
          ธปท. คาดเศรษฐกิจไตรมาส 1 เติบโตราว 3%: ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) คาดเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกปี 59  จะขยายตัวได้ราว 3% yoy โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดีอย่างชัดเจน และการใช้จ่ายของภาครัฐที่ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ยังคงมองเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโต 3.1% ตามที่ได้เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่จะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงการคาดการณ์เดิม โดยเฉพาะปัญหาของเศรษฐกิจโลก  

โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 27 เม.ย. 2559



 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 27 เม.ย. 2559 เวลา : 10:42:07

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 2:37 am