แสนสิริ เผยอสังหาริมทรัพย์ในกรุงลอนดอนยังเติบโตและเป็นเมืองที่เป็นจุดหมายของนักลงทุนทั่วโลกเข้าไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานและต้องการที่พักอาศัยที่เพิ่มขึ้น พบโครงการเปิดใหม่ราว 20,000 ยูนิตต่อปี ในขณะที่ความต้องการที่อยู่อาศัยจริงมีมากกว่า 2 เท่าตัว พร้อมด้วยโครงการรถไฟใต้ดินครอสส์เรลที่จะเปิดตัวในปี 2561 ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในลอนดอนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เป็นโอกาสร้างผลตอบแทนที่ดี ล่าสุด 9 Elvaston Place คอนโดมิเนียมของแสนสิริ ตั้งอยู่บริเวณ South Kensington ราคาเปลี่ยนมือพุ่งตารางเมตรละ 1.2 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 15% ใน 2 ปี
นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าภาพรวมที่อยู่อาศัยใจกลางของลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในช่วงปีที่ผ่านมายังมีความต้องการอยู่มาก เมื่อเทียบตามอัตราการเพิ่มของจำนวนประชากรลอนดอนที่จะต้องมีที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นประมาณ 42,500 ยูนิตต่อปี เพื่อรองรับให้เพียงพอต่อการขยายตัวของจำนวนประชากร ในขณะที่จำนวนที่อยู่อาศัยจริงที่เพิ่มขึ้น อยู่ที่เพียง 15,000-25,000 ยูนิตต่อปี จากข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้ราคาที่อยู่อาศัยในลอนดอน มีแนวโน้มการปรับตัวขึ้นอย่างมาก (จากข้อมูลของ WH Baker ซึ่งเป็น Global Partnership ของแสนสิริที่ลอนดอน) ยกตัวอย่างเช่นในใจกลางลอนดอนราคาที่อยู่อาศัยปรับขึ้น 8.5% ในช่วง 1 ปี (ไตรมาสที่ 3 ปี 2557– ไตรมาสที่ 3 ปี 2558) หรือราคาเพิ่มขึ้น 37% ภายในระยะเวลา 3 ปี (ปี 2555-2558), 44% ภายในระยะเวลา 5 ปี (ปี 2553-2558) และ 108% ภายในระยะเวลา 10 ปี (ปี 2548-2558) ส่งผลให้ปัจจุบันราคาเฉลี่ยต่อตารางฟุตของที่อยู่อาศัยในใจกลางของลอนดอนอยู่ที่ 1,700 หรือประมาณ 900,000 บาทต่อตารางเมตร
อย่างไรก็ตาม หากมุ่งวิเคราะห์ไปที่บริเวณที่คนไทยมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี เช่น Kensington and Chelsea ที่ประกอบไปด้วยย่านที่อยู่อาศัยใน Knightsbridge หรือ Kensington ราคาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 146% และในเขต City of Westminster ที่มีย่านที่คนไทยรู้จักกันดีอย่าง Mayfair Soho หรือ Marylebone ราคาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 123% ภายในระยะเวลา 10 ปี (2548-2558) นอกจากนั้นแล้วยังมีปัจจัยสำคัญที่ทำให้แนวโน้มความต้องการของที่อยู่อาศัยในลอนดอนปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต คือโครงการรถไฟครอสส์เรล (Crossrail) ซึ่งเป็นการก่อสร้างทางรถไฟและรถไฟใต้ดิน เชื่อมผ่านใจกลางกรุงลอนดอนที่จะแล้วเสร็จพร้อมเปิดตัวในปี 2561
"หากเปรียบเทียบกัน เราจะเห็นว่าในกรุงเทพฯ ราคาที่พักอาศัยมีการปรับตัวสูงขึ้นตามแนวรถไฟฟ้า เช่นเดียวกับกับที่ลอนดอน โครงการครอสส์เรลถือเป็นโครงการก่อสร้างโครงข่ายรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และเป็นการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคที่ใหญ่ที่สุดในลอนดอนในรอบ 20 ปี เริ่มต้นตั้งแต่ฝั่งตะวันตกของลอนดอน พาดผ่านใจกลางกรุงลอนดอนไปจนถึงฝั่งตะวันออก เป็นระยะทางทั้งสิ้น 118 กิโลเมตร โดยส่วนแรกจาก Paddington Station ไปทางตะวันออกถึง Abbey Wood จะแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2561 และจะประกอบไปด้วย 40 สถานี พาดผ่านมากกว่า 21 เขตเทศบาลของกรุงลอนดอน โครงการครอสส์เรลนี้ถูกคาดหมายว่าจะมีผลกระทบทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ พุ่งสูงขึ้นอย่างมากในอนาคตอันใกล้ อย่างเช่นในอดีต ที่มีตัวอย่างให้เห็นกับโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยาย Underground (Jubilee Line) ในปี 2542 ซึ่งคาดว่ามีส่วนทำให้มูลค่าที่ดินเฉลี่ยในลอนดอนเพิ่มขึ้นถึง 9 พันล้านปอนด์" นายอุทัย กล่าว
ในปี 2555 มีการคาดการว่าโครงการครอสส์เรล สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย (Residential Property) อสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า (Commercial Property) ตั้งแต่ปี 2555-2564 ได้เป็นจำนวนถึง 5.5 พันล้านปอนด์ และเป็นผลทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น 20% ในเขตปริมณฑล และ 25% ในใจกลางกรุงลอนดอน ซึ่งนับตั้งแต่มีข่าวการก่อสร้างโครงการในเดือนกรกฎาคม 2551 ราคาอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะทาง 10 นาทีจากสถานี ยกตัวอย่างเช่นในบริเวณรอบๆ สถานี Bond Street ใจกลางกรุงลอนดอน ราคาอสังหาริมทรัพย์มีการปรับตัวขึ้นแล้ว 82% เช่นเดียวกับบริเวณสถานี Tottenham Court Road ที่มีการปรับตัวขึ้นแล้ว 61%
"หลายปีที่ผ่านมา ประเทศอังกฤษโดยเฉพาะอย่างยิ่งใจกลางกรุงลอนดอน หรือ Prime Central London ซึ่งประกอบไปด้วยย่านที่คนไทยรู้จักเป็นอย่างดีเช่น South Kensington, Belgravia, Chelsea, Knightsbridge, Mayfair, Soho เป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์จากต่างประเทศ รวมถึงประเทศไทย อันเนื่องมาจากหลากหลายปัจจัย เช่น ความคุ้นเคยส่วนตัวกับประเทศอังกฤษและความต้องการเพื่อการเดินทางไปพักผ่อน หรือ การส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อ ซึ่งมีคนไทยหลายรายลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้บุตรหลานพักอาศัยระหว่างการศึกษา รวมถึงผลตอบแทนจากการขาย ซึ่งในบริเวณ Prime Central London มีอัตราการปรับขึ้นของราคาอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 100% ในระยะเวลา 10 ปี ยกตัวอย่างเช่นโครงการ 9 Elvaston Place คอนโดมิเนียมของแสนสิริ ตั้งอยู่บริเวณ
South Kensington ใจกลางลอนดอนและเป็นหนึ่งในย่านที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากคนไทย เดินทางสะดวก มีความปลอดภัยสูง ใกล้แหล่งอำนวยความสะดวกที่มีอยู่ครบครัน เช่น มหาวิทยาลัย Imperial College ถนนช้อปปิ้งชื่อดังอย่าง High Street Kensington ร้านค้า และร้านอาหารหลากหลายชนิด รวมถึงยังใกล้สถานทูตไทย และ สวนสาธารณะชื่อดัง Hyde Park ซึ่งปิดการขายเพียงไม่กี่เดือนหลังจากเปิดขาย โดยราคาขายในปี 2556 เฉลี่ยตารางเมตรละ 1.05 ล้านบาท และปัจจุบัน ราคา Resale อยู่ที่เฉลี่ยตารางเมตรละ 1.2 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 15% ภายในระยะเวลา 2 ปี นับเป็นโครงการระดับ High End โครงการแรกในต่างประเทศของแสนสิริ ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก" นายอุทัย กล่าว
ข่าวเด่น