วันนี้ (2 พ.ค.59) เวลา 08.30 น. นายฟุมิโอะ คิชิดะ (Fumio Kishida) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
ภายหลังการหารือ พันเอก อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ
นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับการเยือนประเทศไทยครั้งแรกของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นพร้อมแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่คุมะโมะโตะ ในช่วงวันที่ 14 และ 16 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่ง นายฟุมิโอะ คิชิดะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นและประชาชนญี่ปุ่นมีความขอบคุณและซาบซึ้งอย่างยิ่งที่ได้รับพระราชสาส์นแสดงความห่วงใยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และจากรัฐบาลไทย รวมถึงการเสนอที่จะให้ความช่วยเหลือต่างๆอย่างทันท่วงทีจากรัฐบาลไทยมา ณ โอกาสนี้ด้วย
สำหรับสถานการณ์ภายในประเทศ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึง ความพยายามของรัฐบาลในการเดินหน้าไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ การมีธรรมาภิบาล และการมุ่งพัฒนาประเทศให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยจะให้มีการทำประชามติและการเลือกตั้ง ตามระยะที่ได้วางไว้ตามโร้ดแม็ป นอกจากนี้ ได้แจ้งให้ทราบถึงแนวทางการปฏิรูปประเทศในระยะนี้ และการวางยุทธศาสตร์ชาติในอีก 20 ปีข้างหน้า
พร้อมเชิญให้ญี่ปุ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนากับไทยในอนาคต ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นได้แสดงความชื่มชมต่อความมุ่งมั่นและความพยายามของนายกรัฐมนตรี พร้อมกล่าวว่า ญี่ปุ่นเคารพต่อการดำเนินการของไทย และจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยไทยยังคงเป็นมิตรประเทศสำคัญของญี่ปุ่นและญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสนับสนุนความเชื่อมโยงในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยในวันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะไปบรรยายที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญกับประชาคมอาเซียน โดยเฉพาะกับประเทศลุ่มน้ำโขง และมีเป้าหมายที่จะร่วมมือผู้นำประเทศลุ่มน้ำโขงอย่างใกล้ชิด เพื่อส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพสูง ทั้งด้านเทคโนโลยีและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
ในประเด็นความสัมพันธ์ทวิภาคี ไทยและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ที่ดีในทุกระดับ ทั้งในระดับราชวงศ์ รัฐบาลและประชาชน โดยจะครบรอบความสัมพันธ์ 130 ปี ในปี พ.ศ. 2560 โดยในวันนี้ ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ความร่วมมือระหว่างกันมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ความร่วมมือด้านการเกษตร ที่มีการลงนามในบันทึกแสดงเจตจำนง (MOI) ว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือในสาขาเกษตร เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2559 นอกจากนี้ มีการติดตามประเด็นความร่วมมือที่ยังคั่งค้าง อาทิ การนำเข้าเนื้อสุกรจากไทยและเนื้อวัวจากญี่ปุ่น
ความร่วมมือด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งสองฝ่ายยินดีที่มีความคืบหน้าเรื่องระบบราง โดยกำลังเร่งสรุปผลการศึกษาความเป็นไปได้ตามความร่วมมือที่ได้ตกลงกันไว้ โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่า ไทยเชื่อมั่นในเทคโนโลยีของญี่ปุ่นทั้งเรื่องคุณภาพและความปลอดภัย สำหรับโครงการทวาย ทั้งสองฝ่ายยืนยันที่จะร่วมมือกันต่อไปอย่างใกล้ชิด เนื่องจากโครงการทวายเป็นโครงการที่สำคัญต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจของประเทศลุ่มน้ำโขง และจะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนโดยตรง
ด้านการค้าการลงทุน ไทยให้ความสำคัญกับนักลงทุนญี่ปุ่น โดยที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้เปิดโอกาสให้นักลงทุนญี่ปุ่นเข้าพบหลายราย ทั้งจากอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและรถยนต์ เพื่อรับฟังปัญหาอุปสรรคต่างๆและยืนยันว่า ไทยสนับสนุนและดูแลนักลงทุนจากญี่ปุ่น โดยรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนในลักษณะไทย บวก 1 และมีการส่งเสริมการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งจะมีการสร้างความเชื่อมโยงทางบก น้ำและอากาศ โดยเรียนรู้ประสบการณ์จากเขตเศรษฐกิจพิเศษคันไซด้วย นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการส่งเสริมการลงทุนในอีก 5 อุตสาหกรรม S-curve ใหม่ และการส่งเสริมธุรกิจ “Start up” เพื่อนำประเทศไทยไปสู่ Thailand 4.0
พร้อมกับเชิญชวนให้ญี่ปุ่นเข้ามาร่วมลงทุนกับไทย อย่างเป็นระบบ ทั้งต้นทาง กลางทางและปลายทาง ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นรับทราบและจะนำไปแจ้งให้ภาคเอกชนญี่ปุ่นทราบต่อไป โดยเห็นว่าไทยและญี่ปุ่นมีศักยภาพที่จะร่วมพัฒนาระหว่างกันทางเศรษฐกิจได้อีกในหลายสาขา ผ่านความร่วมมืออย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นยังเห็นว่า นอกจากความร่วมมือในอาเซียนและในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงแล้ว ไทยและญี่ปุ่นควรมีความร่วมมือในเวทีระดับโลกมากขึ้นด้วย
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถวายพระพรแก่สมเด็จพระจักรพรรดิและจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น และฝากความระลึกถึงไปยังนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ พร้อมกล่าวเชิญนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นมาเยือนประเทศไทย ในปีนี้ด้วย
ข่าวเด่น