กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – ปัจจุบัน มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อนรวม 49 จังหวัด รวม 310 อำเภอ 720 ตำบล 1,768 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 21,380 หลังคาเรือน ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ พร้อมเตือนประชาชนให้ติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัย รวมถึงระมัดระวังอันตรายจากพายุลมแรงในระยะนี้
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – ปัจจุบัน มีจังหวัดได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อน 48 จังหวัด 310 อำเภอ 720 ตำบล 1,768 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาคเหนือ 15 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน น่าน ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ ตาก อุตรดิตถ์ สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และพิจิตร ภาคกลาง 14 จังหวัด ได้แก่ อุทัยธานี นครสวรรค์ ลพบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี กาญจนบุรี ราชบุรีสมุทรสงคราม นครนายก ประจวบคีรีขันธ์ และกรุงเทพมหานคร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18 จังหวัดได้แก่ กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ชัยภูมิ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรนิทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี หนองคาย สกลนคร นครพนม บึงกาฬ อุดรธานี เลย หนองบัวลำภู และขอนแก่น ภาคตะวันออก 2 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา และสระแก้ว บ้านเรือนเสียหาย 21,380 หลังคาเรือน โรงเรียน 2 แห่ง วัด 5 แห่ง สถานที่ราชการ 3 แห่ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 10 ราย และผู้เสียชีวิต 9 ราย
ซึ่งรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ห่วงใยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ได้กำชับให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยร่วมกับฝ่ายปกครองและ หน่วยทหารในพื้นที่ดูแลและให้การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ ซึ่ง ปภ. ได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยแจกจ่าย เครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้จังหวัดสำรวจ ความต้องการของผู้ประสบภัย อาทิ เงินช่วยเหลือ วัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้าน และให้การช่วยเหลือสอดคล้องกับสภาพความเดือดร้อน และความต้องการของผู้ประสบภัย เพื่อให้การช่วยเหลือรวดเร็ว ถูกต้อง เป็นไประเบียบกระทรวงการคลังฯ และหลักเกณฑ์ที่กำหนด
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในช่วงวันที่ 2-4 พ.ค. 59 และ 7-8 พ.ค. 59 บริเวณ ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ มีลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง จึงได้ประสานจังหวัดและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงเตรียมพร้อมรับมืออันตรายที่อาจเกิดขึ้น
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด รวมถึงระมัดระวังอันตรายจากพายุลมแรง อยู่ให้ห่างจากต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงในระยะนี้ ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากพายุฤดูร้อน สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
ข่าวเด่น