กรมการขนส่งทางบก ระบุ การแก้ไขดัดแปลงตัวรถหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของรถ ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนโดยไม่แจ้งแก้ไขในคู่มือจดทะเบียนก่อนนำรถไปใช้ มีความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 ปรับไม่เกิน 2,000 บาท ส่วนการติดตั้งอุปกรณ์แต่งรถเพื่ออำนวยความสะดวก ต้องมั่นคงแข็งแรง มีความปลอดภัยในการใช้งาน และต้องไม่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงแก่ผู้อื่น
นายณันทพงศ์ เชิดชู รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า จากที่มีการแชร์ข้อมูลผ่านทางสังคมออนไลน์ เกี่ยวกับ 23 พ.ร.บ.จราจรใหม่ โดยส่วนใหญ่เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับการตกแต่งรถ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วยังไม่มีการปรับแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกเกี่ยวกับบทกำหนดโทษแต่อย่างใด และข้อมูลส่วนใหญ่ที่ปรากฏเป็นความผิดตามพ.ร.บ.รถยนต์ ซึ่งมีความคลาดเคลื่อนในหลายประเด็น อาทิ ความผิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนท่อไอเสียให้มีขนาดใหญ่เสียงดัง ซึ่งข้อเท็จจริงขนาดของท่อไอเสียไม่มีความผิด แต่จะมีความผิดหากมีค่าระดับเสียงดังเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
ส่วนการแก้ไขดัดแปลงตัวรถหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ เช่น การติดตั้งโครงหลังคาหรือโครงเหล็กด้านข้างรถ ฝาปิดด้านท้ายติดตั้งอุปกรณ์ทุ่นแรงยกสิ่งของ (Tail Lift) การเปลี่ยนเครื่องยนต์ การเปลี่ยนสี หรือการเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิง รวมถึงการแก้ไขดัดแปลงตัวถังรถ ระบบรองรับน้ำหนัก ระบบกันสะเทือน ระบบบังคับเลี้ยว หรือระบบขับเคลื่อน เป็นต้น เจ้าของรถต้องขออนุญาตจากนายทะเบียนก่อนนำรถไปใช้ โดยนายทะเบียนจะบันทึกรายการในเล่มคู่มือจดทะเบียนไว้เป็นหลักฐานประกอบการตรวจสอบต่อไป หากไม่แจ้งแก้ไขในคู่มือจดทะเบียนก่อนนารถไปใช้งาน มีความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
นอกจากนี้ เจ้าของรถบางรายนิยมติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งรถหรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวก เช่น ติดตั้งแร็คหลังคา โรลบาร์ สปอยเลอร์ แม็กไลน์เนอร์ กันชน อุปกรณ์ขนจักรยาน (Bicycle Rack) เป็นต้น ซึ่งการติดตั้งดังกล่าวไม่ส่งผลให้สภาพรถเปลี่ยนแปลงไป เจ้าของรถจึงสามารถติดตั้งได้โดยไม่ถือเป็นการดัดแปลงสภาพรถ และไม่ต้องแจ้งขออนุญาตต่อนายทะเบียน ทั้งนี้ ขนาดและตำแหน่งในการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ต้องมีความเหมาะสมและมีความมั่นคงแข็งแรงปลอดภัยในการใช้งาน ไม่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนและอันตรายต่อการขับขี่
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือเจ้าของรถปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย หากมีการแก้ไขดัดแปลงตัวรถที่ต้องแจ้งขออนุญาตจากนายทะเบียนให้ดำเนินการให้เรียบร้อย เพื่อความปลอดภัยและไม่เกิดปัญหาในการใช้งานบนท้องถนน โดยกรมการขนส่งทางบกจะประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อประสานแนวทางปฏิบัติในการควบคุมรถยนต์บนท้องถนนให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน
ข่าวเด่น