วันนี้(4 พ.ค.59) ที่ศาลาว่าการกทม. เวลา 11.00 น. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงชี้แจงกรณีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แถลงชี้มูลความผิดกรณีไฟประดับ LED จำนวน 5 ล้านดวง โครงการแสงสีแห่งความสุขของกรุงเทพมหานคร เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว งบประมาณ 39 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 30 ธ.ค.58-31 ม.ค.59 โดยกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีและขอขอบคุณที่สตง.ให้ความสำคัญในการดูแลบ้านเมืองให้มีการใช้จ่ายเงินของภาครัฐให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน โดยเฉพาะการที่สตง.ให้ความสนใจโครงการไฟประดับมูลค่า 39 ล้านบาท.ซึ่งเป็นงานในระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขณะที่สตง.ยังมีภารกิจต้องดูแลงานของหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ อีกมากมาย อย่างไรก็ตามตนเองได้ตอกย้ำการทำงานมาตลอด 7 ปีให้ดำเนินงานด้วยความโปร่งใส ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบต่างๆ ทุกอย่าง และไม่เคยสั่งการให้ใครทำผิดกฎหมายแม้แต่ครั้งเดียว
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวยืนยันว่า นโยบายการสร้างมหานครแห่งความสุข และการสร้างมหานครแห่งโอกาส เป็นนโยบายที่ถูกต้อง เนื่องจากช่วงเวลาก่อนเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา ได้เกิดปัญหาหลายด้านและเหตุการณ์ความไม่สงบที่กระทบต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของไทย สิ่งสำคัญคือ ต้องหาวิธีการส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับรากหญ้า แต่เนื่องจากการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2558 ซึ่งการพิจารณางบประมาณดังกล่าวได้มีการตัดงบประมาณด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวจากที่กทม.เสนอไป จาก 241 ล้านบาท เหลือเพียง 50 ล้านบาท ดังนั้นการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและทำให้ประชาชนมีรายได้ จึงเป็นที่มีของโครงการไฟประดับดังกล่าว และเป็นโครงการที่ต้องการดำเนินการมาหลายปีแล้วแต่เพราะสถานการณ์บ้านเมืองไม่เหมาะสม เมื่อถึงเวลาต้องดำเนินการแต่งบประมาณไม่เพียงพอ ตนเองจึงใช้อำนาจของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในการใช้งบกลางในการดำเนินงาน เนื่องจากตระหนักถึงความสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อกู้วิกฤตและสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนซึ่งถือเป็นเรื่องจำเป็นมาก
ผู้วาฯ กทม. กล่าวต่อไปว่า นโยบายจะสัมฤทธิ์ผลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับประชาชน โดยในช่วงเวลาจัดโครงการรวมเวลา 33 วัน มีประชาชนและชาวต่างชาติเข้าชมไฟประดับกว่า 1.67 ล้านคน ร้านค้าที่มาร่วมจำหน่ายสินค้าและอาหารมีรายได้รวมกว่า 10 ล้านบาท ทั้งนี้ไม่นับรวมร้านค้าที่ตั้งอยู่ในพื้นที่โดยรอบ นอกจากนี้ยังมีประชาชนให้ความสนใจและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ส่งต่อกันในโซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าไม่ใช่ครั้งแรกและจะไม่ใช่โครงการสุดท้ายที่กทม.จะดำเนินการในการใช้งบประมาณเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและส่งเสริมรายได้แก่ประชาชน เนื่องจากที่ผ่านมากกทม.ก็ได้ใช้งบประมาณในการจัดโครงการตลาดนัดคลองผดุงกรุงเกษม ซึ่งใช้งบประมาณกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งขอย้ำว่าตนไม่ได้มาอยู่ตรงนี้เพื่อจะไม่ทำอะไรเลยโดยยอมให้การท่องเที่ยวและประชาชนมีปัญหา
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมากทม.ได้ให้ความร่วมมือกับสตง.ในการตรวจสอบมาโดยตลอดตั้งแต่โครงการยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ หากสตง.เห็นว่าการใช้งบประมาณในโครงการดังกล่าวมีปัญหา ควรต้องให้คำแนะนำตั้งแต่ต้น ส่วนสาเหตุที่ตนเองไม่ได้เดินทางไปชี้แจงด้วยตนเองตามคำเชิญนั้น เนื่องจากตามมาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 ระบุให้ผู้ว่าฯ กทม. สามารถแต่งตั้งรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ไม่เกิน 4 คน เพื่อช่วยการบริหารราชการตามที่ผู้ว่าฯกทม.มีคำสั่งมอบหมาย จึงถือเป็นเรื่องปกติที่ตนเองจะมอบหมายให้รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครไปชี้แจงต่อองค์กรตรวจสอบในเรื่องที่ได้มอบหมายให้กำกับดูแล ซึ่งยืนยันว่าตนไม่ได้หนีการตรวจสอบแต่อย่างใด แต่เนื่องจากการให้ข้อมูลเป็นเรื่องเทคนิคและรายละเอียด ดังนั้นรองผู้ว่าฯ กทม. และข้าราชการอาวุโสที่เกี่ยวข้องที่ได้รับมอบหมายจะชี้แจงรายละเอียดได้ครบถ้วนและถูกต้อง ซึ่งตนเองรู้สึกแปลกใจต่อข้อกล่าวหาขององค์กรตรวจสอบ แต่ก็จะให้ความร่วมมือทั้งข้อมูลและเอกสารต่อไป ทั้งนี้ขอให้องค์กรตรวจสอบอ่านเอกสารที่จัดส่งไปให้ครบถ้วน ซึ่งตนเชื่อมั่นว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย หากพบว่ายังมีปัญหาที่จุดใดโปรดแจ้งมา
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวอีกว่า กรณีการแถลงมติคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) วานนี้ (3 พ.ค.59) เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการตรวจสอบ ยังไม่มีการชี้ผิดหรือถูก หากใครกล่าวหาว่ากทม.ผิดจะปรึกษาทีมกฎหมายเพื่อฟ้องร้องทันที ทั้งนี้ไม่ใช้เพื่อคุ้มครองตนเอง แต่เป็นห่วงลูกน้องทั้งข้าราชการการเมืองและข้าราชการประจำในฐานะผู้ปฏิบัติซึ่งสมควรได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากตนเองมาอยู่ในตำแหน่งนี้รู้ว่าอัตราเสี่ยงเป็นเช่นไร จึงขอให้องค์กรตรวจสอบให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ปฏิบัติงานด้วย หากตรวจสอบพบว่ามีจุดบกพร่องหรือข้อผิดพลาดก็พร้อมให้ตรวจสอบ ส่วนการชี้แจงก็จะทำอย่างต่อเนื่อง กรณีการที่มีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เสนอให้ใช้มาตรา 44 ให้ปลดตนในฐานะผู้ว่าฯกทม.ออกจากตำแหน่งนั้น ในฐานะที่ตนเองเป็นสมาชิกพรรคและเป็นรองหัวหน้าพรรคฯ ยืนยันว่า ยังไม่มีการเชิญประชุมพรรค ดังนั้นข้อเสนอดังกล่าวจึงไม่ถือเป็นมติพรรค
ข่าวเด่น