ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วันพุธที่ผ่านมา เป็นการซึมตัวลงทดสอบด่าน 1,390 จุด โดยหุ้นหลัก PTT / PTTEP กดดันดัชนี ตามราคาน้ำมันที่ซึมตัว หุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นเฉพาะตัวยังสามารถยืนบวกได้ ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,390.70 จุด ลบอีก 7.17 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเพียง 32,587 ล้านบาท
ต่างชาติกลับมาขายตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 1,139 ล้านบาท คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 มากถึง 11,734 สัญญา แต่ซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 มูลค่า 11,543 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
การเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์
การทยอยประกาศผลการดำเนินงาน 1Q59
ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ออกมาต่ำสุดในรอบ 7 เดือน
การส่งออกเดือนเม.ย. ของจีนกลับมาหดตัวอีกครั้ง แม้ว่าภาพรวมจะยังเป็นการเกินดุลการค้าต่อเนื่องก็ตาม
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 17)
เราคาดมูลค่าการซื้อขายในวันนี้จะกลับมาหนาแน่นระดับ 4.0-4.5 หมื่นล้านบาทอีกครั้ง หลังสิ้นสุดวันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทย พร้อมประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX ระหว่าง 1,380-1,400 จุด
เนื่องจากปัจจัยภายนอกไม่เอื้อต่อการลงทุนมากนัก ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขการส่งออกของจีนที่กลับมาหดตัวอีกครั้ง หรือ การจ้างงานของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นในระดับต่ำสุด 7 เดือน แต่ด้วยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ส่งสัญญาณชะลอตัว ย่อมทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะยังมีทิศทางของการอ่อนค่า เป็นบวกต่อกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย รวมถึงตลาดทุน – ตลาดเงินของไทย
อย่างไรก็ตาม กระแสเงินทุนต่างชาติในช่วง 2-3 วันนี้จะชะลอตัวต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน เพื่อรอดูผลการประชุมกนง. วันที่ 11 พ.ค. เราและ Bloomberg consensus ยังคงประเมินกนง.คงอัตราดอกเบี้ย RP1 วันที่ 1.50% ไม่ว่าจะลดลง หรือ คงอัตราดอกเบี้ย ย่อมทำให้เกิดความชัดเจนในทิศทางค่าเงินบาท และกระแสเงินทุนต่างชาติ
ดังนั้นในช่วงนี้ เราแนะนำให้นักลงทุนเลือกเก็งกำไรเป็นรายตัว หุ้นหลัก/Big Cap อาจต้องรอดูทิศทางตลาดอีกระยะหนึ่ง จนกว่า SET INDEX จะกลับมายืนเหนือ 1,400 จุดได้
Stock Pick of The Day
1. เก็งกำไร ROBINS: ราคาปิด 52.75 บาท ราคาเหมาะสม 54.00 บาท (อิง SAA Consensus)
a) MBKET คาดว่า ROBINS มีโอกาสถูกเพิ่มเข้าสู่ดัชนี MSCI Thailand ซึ่งจะประกาศในวันที่ 13 พ.ค. เป็นปัจจัยบวกสำหรับการเก็งกำไรระยะสั้น
b) คาดผลประกอบการ 1Q59 ขยายตัวทั้ง yoy & qoq เป็น 680-690 ล้านบาท จากยอดขายต่อสาขา (SSS) ที่กลับมาขยายตัว +3% yoy เทียบกับ 1Q58 ที่ -6.6% และแรงหนุนของรายได้ค่าเช่าเนื่องจากพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้น +15% yoy เป็น 3.57 แสนตรม.
a) Consensus คาดกำไรปี 2559 เติบโต +16% yoy เป็น 2.5 พันล้านบาท และ Valuation ยังถูกกว่ากลุ่ม โดยซื้อขาย PER2559 ที่ 23 เท่า เทียบกับหุ้นในกลุ่ม เช่น CPALL 26.7 เท่า, GLOBAL 36.1 เท่า และ HMPRO 28.3 เท่า
2. เก็งกำไร IVL: ราคาปิด 26.75 บาท ราคาเหมาะสม 30.00 บาท
a) MBKET คาดการณ์กำไรสุทธิ 1Q59 ที่ 1,951 ล้านบาท +438% yoy และ +280% qoq จากแรงหนุนของกำไรพิเศษจากการต่อรองราคาซื้อกิจการ BP Amoco ในสหรัฐฯ
b) ทิศทางผลประกอบการ 2Q59 คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานจะเร่งตัวขึ้น qoq จากการกลับมาเดินเครื่องของโรงงาน MEG ที่ปิดซ่อมบำรุงใน 1Q59 รวมทั้งการรับรู้รายได้จาก BP Amoco และ CEPSA Spain แบบเต็มไตรมาส
c) คาดกำไรสุทธิปี 2559 เติบโต +28.5% yoy เป็น 8,494 ล้านบาท และ Valuation น่าสนใจ ซื้อขายระดับ PBV2559 ที่ 1.4 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังที่ 1.6 เท่า และระดับ +1SD ที่ 1.9 เท่า
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ขายสุทธิ US$349 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 1,369 ล้านบาท กดดันให้ YTD ซื้อสุทธิลดลงเหลือ 12,451 ล้านบาทและ SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 มากถึง 11,734 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 12,464 สัญญษ เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 7,650 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Long ต่อเนื่อง ส่งผลให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้คง Long สุทธิลดลงเหลือ 10,689 สัญญา และทำให้ S50M16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 3.75 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เพียง 1.33 จุด
โดยเม็ดเงินคาดโยกเข้าพักในตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 มากถึง 11,543 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 13,296 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาพันธบัตรไทยฟื้นตัวเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ พันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลง 2.26bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 2.31bps ปิดที่ 1.832%
Short-Selling วานนี้
ลดลงเหลือ 826 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,075 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 ทั้งนี้เป็นการปรับน้ำหนักระหว่างกลุ่มหลักเป็นสำคัญ
การซื้อขายผ่าน NVDR คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 เพียง 74 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,054 ล้านบาท รวม 4 วันทำการซื้อสุทธิ 3,000 ล้านบาท โดยเป็นการปรับน้ำหนักระหว่างกลุ่มหลักอย่างกลุ่มขนส่ง-ค้าปลีก และกลุ่มพลังงาน
โดยบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 9 พ.ค. 2559
ข่าวเด่น