บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) หุ้นเล็กพริกขี้หนูผู้ผลิตและจัดหาเครื่องดื่มชาและกาแฟรายใหญ่ในเซเว่นฯ ปลื้มใจไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง ไตรมาสแรกยอดขายพุ่ง 27% กำไรสุทธิ 23.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 46% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน "ชัชชวี วัฒนสุข"ระบุได้รับอานิสงส์จาก 7-Eleven มอบความไว้วางใจเพิ่มจุดจำหน่ายกาแฟลาเต้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จาก 2,500 เป็น 5,000 สาขา ทั่วประเทศ นอกจากนี้ทาง 7-Eleven ยังมีการขยายมุมกาแฟสด (All Cafe) เพิ่มจาก 1,000 จุดเป็น 2,300 จุด ดันยอดขายพุ่ง พร้อมเดินหน้าติดตั้งตู้กดเครื่องดื่มร้อนครบ 750 เครื่องภายในปีนี้ เป้าปี"60 ขยับแตะ 1,500 จุดตามแผน มั่นใจปีนี้รายได้เกินเป้า 15% ไม่นับรวมธุรกิจใหม่ที่เพิ่งแตกไลน์ลุยขายสินค้าลิขสิทธิ์ใน 7-Eleven หนุนธุรกิจของบริษัทฯเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (TACC) ผู้ผลิต และจัดหาเครื่องดื่มชา และกาแฟรายใหญ่ในเซเว่น เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/59 ของบริษัทฯเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมียอดขาย 283.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 27.6% กำไรสุทธิ 23.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.6 ล้านบาท หรือ 46.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้รับโอกาสจาก 7-Eleven ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจต่อกัน (Key Strategic Partner) ให้เพิ่มจุดจำหน่ายกาแฟลาเต้ จากเดิม 2,500 แห่ง ขยายเป็น 5,000 แห่ง เนื่องจากความนิยมเพิ่มสูงขึ้น
ขณะเดียวกันยอดขาย ชานม ชาเย็น และชามะนาว ในมุมกาแฟสด All cafe ก็มีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งตามการขยายจำนวนมุมกาแฟสด (All Cafe) ในร้าน 7-Eleven ที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว จาก 1,000 จุด ในปีที่ผ่านมา เป็น 2,300 จุด ในปีนี้ หรือเพิ่มขึ้น 1.3 เท่า
สำหรับความคืบหน้าในการติดตั้งเครื่องกดเครื่องดื่มร้อนอัตโนมัติ (Vending Machine) นายชัชชวี กล่าวว่า ภายในเดือน พฤษภาคม นี้ จะมียอดติดตั้ง 138 เครื่อง คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ จะติดตั้งครบ 750 เครื่อง และในปี2560 ติดตั้งเพิ่มอีก 750 เครื่อง รวมเป็น 1,500 เครื่อง กระจายใน 7-Eleven ทั่วประเทศตามแผน มูลค่าลงทุนรวม120 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ระดมทุนได้จากการขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในปีที่ผ่านมา
"มั่นใจว่าแนวโน้มรายได้รวมในปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ตามแผน ซึ่งในส่วนนี้ยังไม่นับรวมกับรายได้จากธุรกิจใหม่ เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าลิขสิทธิ์คาแร็คเตอร์ ตัวการ์ตูนชั้นนำในกลุ่ม Sanrio แต่เพียงผู้เดียวใน 7-Eleven ซึ่งจะเริ่มวางจำหน่ายสินค้าลิขสิทธิ์ในเดือนสิงหาคม-ธันวาคมนี้ มั่นใจว่าจะช่วยผลักดันยอดขายของบริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง"นายชัชชวีกล่าวในที่สุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา TACC ได้ลงนามในสัญญาอนุญาตใช้ช่วงสิทธิ์เครื่องหมายการค้ากับ Sanrio Wave Hong Kong Co.Ltd. เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2559 โดยบริษัทได้รับสิทธิในการผลิตและจำหน่ายสินคา โดยใช้ตัวการ์ตูน 5 คาแร็ตเตอร์ ประกอบด้วย Hello Kitty, Kerokerokeropi, Pompompurin, Bad badtzmaru, My Melody ในประเทศไทย ผ่านร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven โดยสินค้าที่บริษัทได้รับสิทธิครอบคลุม 5 กลุ่มสินค้าหลัก ได้แก่ 1.Stationary 2. Non-Food เช่น ถ้วย กระเป๋าใส่เหรียญ พวงกุญแจ เป็นต้น 3.Cosmetic4.Beverage และ 5. Processed Food สัญญาดังกล่าวมีระยะเวลา 5 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม-31 ธันวาคม 2559 ซึ่งบริษัทสามารถต่อสัญญาได้โดยแจ้ง Sanrio Wave Hong Kong Co.Ltd. ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือนก่อนวันที่สัญญาจะสิ้นสุดลง
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมขยายตลาดไปยังประเทศกัมพูชา จีน และลาว ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ เพื่อรองรับการเติบโตที่แข็งแกร่ง หลังเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 12% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 8% ของรายได้รวม และอยู่ระหว่างศึกษาการขยายช่องทางการส่งออกในต่างประเทศเพิ่มเติม
ข่าวเด่น