กระทรวงสาธารณสุข หารือผู้เกี่ยวข้องในการจัดระบบบริการผู้ป่วยฉุกเฉินในภาวะวิกฤตอันตรายถึงชีวิต ตามนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ดีทุกสิทธิ เร่งหาข้อสรุประบบการเบิกจ่าย และส่งต่อผู้ป่วย ให้เกิดความคล่องตัวในการเข้ารักษา และการบริหารจัดการ โดยจะเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาต่อไป
วันนี้ (13 พฤษภาคม 2559) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมร่วมกับผู้เกี่ยวข้องการจัดระบบบริการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต อาทิ สมาคมโรงพยาบาลเอกชน ผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชน ผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนและภาครัฐ ทั้งโรงพยาบาลสังกัดกทม. กระทรวงกลาโหม มหาวิทยาลัย กระทรวงสาธารณสุข สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ 3 กองทุนสุขภาพ คือกรมบัญชีกลาง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสำนักงานประกันสังคม สำนักงานวิจัยเพื่อการพัฒนาหลักประกันสุขภาพไทย (สวปก.) นักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อหารือการดำเนินงานตามนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ดีทุกสิทธิ โดยมีศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน
.jpg)
นายแพทย์โสภณกล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานนโยบาย เจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ดีทุกสิทธิ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของโรงพยาบาลภาครัฐทุกสังกัด ทั้งกระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลัย กลาโหม กทม. และภาคเอกชน เพื่อให้นโยบายนี้สำเร็จโดยเร็ว มีกฎหมายที่ครอบคลุม ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติเดียวกันในการดำเนินการ เพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตอันตรายถึงชีวิต ที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน ให้เกิดความคล่องตัว ทั้งการเข้ารับการรักษาของผู้ป่วย และระบบการบริหารจัดการ โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม.ซึ่งมีผู้ป่วยจำนวนมาก
นายแพทย์โสภณกล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้หารือในประเด็นสำคัญคือ การกำหนดราคากลางค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินในการเบิกจ่ายจากกองทุนสุขภาพ และการจัดระบบการสำรองเตียงและส่งต่อในระยะ 72 ชั่วโมง และหลังจาก 72 ชั่วโมง เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาต่อเนื่อง ปลอดภัย ซึ่งมีข้อเสนอให้จัดระบบสำรองเตียงของโรงพยาบาลรัฐในเขต กทม. รวม 40 รพ. เพื่อรับส่งต่อผู้ป่วยพ้นวิกฤตระยะหลัง 72 ชั่วโมง โดยมีศูนย์สำรองเตียง บริหารจัดการตามความเหมาะสม และให้จะหารือต่อในรายละเอียดที่ยังไม่ได้ข้อสรุป เพื่อเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พิจารณาในการประชุมคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติในวันที่ 18 พฤษภาคม 2559
ข่าวเด่น