ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) ที่ 17,535.32 จุด ร่วง 185.18 จุด หรือ -1.05% ดัชนีแนสแดคปิดที่ 4,717.68 จุด ลดลง 19.65 จุด หรือ -0.41% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,046.61 จุด ลดลง 17.50 จุด หรือ -0.85%
หุ้นในกลุ่มค้าปลีกลดลงเป็นผลมาจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัท นอร์ดสตรอม และ เจซี เพนนีย์ โดยหุ้นนอร์ดสตรอม ห้างค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 13% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายไตรมาสแรกที่อ่อนแอเกินคาด ขณะที่หุ้นเจซี เพนนีย์ ร่วงลง 2.8% หุ้น Nvidia ดิ่งลง 15% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ย่ำแย่
ประกอบกับกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 1.3% เป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.5% ปัจจัยดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่าข้อมูลดังกล่าวจะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการอ่อนตัวลงของราคาน้ำมันดิบ โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงมากกว่า 1% ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 49 เซนต์ ปิดที่ 46.21 ดอลลาร์ ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 25 เซนต์ ปิดที่ 47.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองคำเมื่อพ.ค. ปิดบวกเล็กน้อย โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 1.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,272.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวเด่น