โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เตือนคนโดนแมงกะพรุนพิษ อย่ารีบดึงสายหนวดออกทำให้พิษเข้าสู่ร่างกายทำให้เซลล์ผิวหนังตาย ปวดรุนแรง หากพิษเข้าสู่กระแสเลือดอาจเสียชีวิตได้ใน 2-10 นาที ให้ล้างด้วยน้ำส้มสายชูจะระงับการยิงพิษ ซึ่งจะลดโอกาสการเสียชีวิต ร่วมกับควรป้องกันให้ดีก่อนลงทะเล
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีมีผู้ป่วยโดนแมงกะพรุนพิษ ในจังหวัดกระบี่ 2 รายที่ผ่านมาพบว่ามีการช่วยเหลือที่ถูกวิธี ทำให้ลดความเจ็บปวดและการเสียชีวิตได้ โดยรายแรกเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติชาวเยอรมันอายุ 58 ปี โดนแมงกะพรุนไฟ เมื่อวันที่ 24 เม.ย.2559 มีอาการปวดรุนแรง หลังการราดน้ำส้มสายชูที่จุดเกิดเหตุ แล้วนำตัวมาส่งที่ห้องอุบัติเหตุฉุกเฉิน แพทย์ได้ฉีดยาระงับปวด ทำให้การอาการดีขึ้น ไม่ต้องนอนพักรักษาตัว
สำหรับรายที่ 2 เป็นเด็กชายไทยอายุ 12 ปี ขณะออกไปช่วยตาตกหมึกเมื่อวันที่ 24 เม.ย.2559 บริเวณใกล้ทะเลแหวก โดนแมงกะพรุนกล่องที่บริเวณโคนขาทั้งสองข้าง ทำให้มีอาการปวดแสบปวดร้อน ญาติได้ราดน้ำส้มสายชูขณะอยู่ในเรือและยังมีอาการปวดมาก จึงนำส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลกระบี่ หลังจากแพทย์ให้การฉีดยาระงับปวดอาการดีขึ้นและได้นอนรักษาตัว 1 คืน วันรุ่งขึ้นกลับบ้านได้ จากผู้ป่วยทั้ง 2 รายถึงแม้ว่าได้รับพิษจากแมงกะพรุนชนิดที่ทำให้เกิดอาการรุนแรง แต่ได้รับการช่วยเหลืออย่างถูกต้อง ทำให้ไม่ต้องนอนรักษาตัวนาน และผู้ป่วยรอดชีวิตอย่างปลอดภัย
นายแพทย์สุวรรณชัยกล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการป้องกันการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการโดนแมงกะพรุน ประชาชนจึงควรสังเกตลักษณะให้เข้าใจ โดยแมงกะพรุนกล่องจะมีลักษณะโปร่งใส อาจมีสีฟ้าอ่อนหรือสีอื่นๆ โดยเฉพาะบริเวณสายหนวด รูปร่างคล้ายลูกบาศก์ มีหนวดบางๆ 12-15 เส้นในแต่ละมุม มีทั้งหมด 4 มุม หนวดอาจยาวถึง 3 เมตรซึ่งถุงพิษจะอยู่ที่สายหนวด หนึ่งตัวอาจมีถุงพิษถึงล้านถุง ทำให้แมงกะพรุนกล่องจัดเป็นสัตว์ทะเลที่มีพิษร้ายแรงที่สุด ซึ่งพิษของแมงกะพรุนกล่องมีฤทธิ์ 3 ด้าน คือ 1.ทำให้เซลล์ผิวหนังตาย 2.มีอาการปวดรุนแรง และ3.หากได้รับพิษในปริมาณมาก และพิษเข้าสู่กระแสเลือดจะแล่นเข้าสู่หัวใจทำให้หัวใจหยุดเต้นและระบบหายใจล้มเหลว เสียชีวิตได้ใน 2-10 นาที
การสัมผัสสายหนวดแมงกะพรุนกล่องในครั้งแรกมักมีการยิงพิษเพียงร้อยละ 10-20 ของถุงพิษทั้งหมด หากช่วยเหลือผิดวิธี เช่นทำให้เกิดการกระเทือนบริเวณที่โดนสายหนวดแมงกะพรุน จะทำให้ถุงพิษที่เหลืออีกร้อยละ 80-90 ยิงพิษเข้าสู่ร่างกาย แต่การราดน้ำส้มสายชู มีผลในการระงับการยิงพิษเพิ่มเติมจากถุงพิษที่ยังไม่ได้ยิง ดังนั้นหากยังไม่ได้ราดน้ำส้มสายชูห้ามเอาทรายไปขัดถูบริเวณที่โดนแมงกะพรุน ห้ามดึงสายหนวดออก และห้ามราดด้วยน้ำจืดหรือประคบน้ำแข็งเพราะจะกระตุ้นให้เกิดการยิงพิษเพิ่มขึ้น
การช่วยเหลือที่ถูกวิธีจึงมีความสำคัญมากในการลดความรุนแรงของการได้รับพิษ โดยราดด้วยน้ำส้มสายชูอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 30 วินาที ก็จะสามารถนำสายหนวดออกจากร่างกายได้โดยปลอดภัย แต่น้ำส้มสายชูไม่ได้ช่วยลดความปวด จึงต้องให้ยาลดปวดคู่กับการให้น้ำส้มสายชู เพื่อลดโอกาสการสัมผัสแมงกะพรุนพิษ เมื่อต้องลงน้ำทะเลควรสวมเสื้อผ้ามิดชิด เช่น แขนยาว ขายาวแนบลำตัว
ทั้งนี้ หากพบผู้ที่สงสัยถูกแมงกะพรุนให้รีบทำการช่วยเหลือโดยทันทีหรือโทรศัพท์สายด่วน 1669 เพื่อส่งหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่ใกล้ที่สุดเข้ามาช่วยเหลือ หากประชาชนต้องการความรู้เพิ่มเติมโทรสอบถามได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
ข่าวเด่น