โพลล์ระบุประชาชนพึงพอใจต่อผลงานของ คสช. ในด้านการแก้ไขความวุ่นวายทางการเมืองมากที่สุด ไม่พึงพอใจในด้านการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำ ร้อยละ 79.51 คัดค้านการออกกฎหมายชะลอการลงโทษในคดีทางการเมือง ขณะที่ร้อยละ 76.53 หนุนการดำเนินคดีไปตามกฎหมาย
ศ. ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานกรรมการอาวุโส ,อาจารย์พรพิสุทธิ์ มงคลวนิช ประธานกรรมการ ,ดร.พิสิฐ พฤกษ์สถาพร กรรมการรองผู้อำนวยการ และอาจารย์วัฒนา บุญปริตร กรรมการรองผู้อำนวยการสำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม (ระดับอุดมศึกษา) แถลงผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลต่อการบริหารงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติในรอบ 2 ปี ซึ่งได้ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 15 ถึง 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 จากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 1,176 คน
ศ.ดร.ศรีศักดิ์กล่าวว่า ในวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 นี้จะเป็นวันครบรอบ 2 ปีหลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติเข้าควบคุมอำนาจการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อยุติปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาต่างๆทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม รวมถึงการดำเนินการเพื่อปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ แต่อย่างไรก็ตาม การดำเนินการในด้านต่างๆของคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย มีทั้งผู้ที่พึงพอใจและไม่พึงพอใจ ขณะเดียวกันผู้คนในสังคมได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ายังคงมีปัญหาต่างๆของประเทศที่ไม่ได้รับการแก้ไขขณะที่มีผู้คนอีกส่วนหนึ่งยังคงให้กำลังใจและชื่นชมการดำเนินงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ดังนั้นเนื่องในโอกาสจะครบรอบ 2 ปีการบริหารงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติในวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 นี้ สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีจึงได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลต่อการบริหารงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติในรอบ 2 ปี
ศ.ดร.ศรีศักดิ์กล่าวต่อว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดซึ่งเป็นเพศหญิงร้อยละ 50.68 และเพศชายร้อยละ 49.32 สามารถสรุปผลได้ดังนี้
ในด้านความพึงพอใจต่อการบริหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติซึ่งจำแนกออกเป็น 10 ด้านคือ 1) การปลูกฝังให้คนไทยมีจิตรสำนึกรักสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 2) การแก้ไขปัญหายาเสพย์ติด/อบายมุข/การพนัน 3) การแก้ไขปัญหาสินค้าอุปโภค/บริโภคราคาแพง 4) การสร้างความสามัคคีลดความขัดแย้งของคนในชาติ 5) การแก้ไขความไม่สงบ/ความวุ่นวายทางการเมือง 6) การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ 7) การแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นในนโยบาย/กิจการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับรัฐ 8) การปราบปรามผู้มีอิฐธิพล/การกระทำผิดกฎหมาย 9) การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร/ราคาสินค้าการเกษตรตกต่ำ และ 10) การดำเนินการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆอย่างเป็นรูปธรรม
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุดต่อผลงานในด้านการแก้ไขความไม่สงบ/ความวุ่นวายทางการเมืองคิดเป็นร้อยละ 50.17 การปลูกฝังให้คนไทยมีจิตรสำนึกรักสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์คิดเป็นร้อยละ 47.79 การแก้ไขปัญหายาเสพย์ติด/อบายมุข/การพนันคิดเป็นร้อยละ 40.05 และการปราบปรามผู้มีอิฐธิพล/การกระทำผิดกฎหมายคิดเป็นร้อยละ 30.61
ขณะที่กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความพึงพอใจในระดับปานกลางต่อผลงานในด้านการสร้างความสามัคคีลดความขัดแย้งของคนในชาติคิดเป็นร้อยละ 35.71 การดำเนินการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆอย่างเป็นรูปธรรมคิดเป็นร้อยละ 32.74 และการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นในนโยบาย/กิจการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับรัฐคิดเป็นร้อยละ 32.06
อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความพึงพอใจในระดับน้อยต่อผลงานในด้านการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในชายแดนภาคใต้คิดเป็นร้อยละ 35.03 การแก้ไขปัญหาสินค้าอุปโภค/บริโภคราคาแพงคิดเป็นร้อยละ 32.99 และการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร/ราคาสินค้าการเกษตรตกต่ำคิดเป็นร้อยละ 30.02 ซึ่งมีกลุ่มตัวอย่างไม่พึงพอใจเลยในระดับสูงที่สุดเมื่อเทียบกับการบริหารงานในด้านอื่นๆทั้งหมดโดยคิดเป็นร้อยละ 19.13
ในด้านระดับความพึงพอใจต่อการทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา การทำงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยรวม และการทำงานของคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันนั้น กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 42.52 พึงพอใจในการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีในระดับมาก ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 32.57 มีความพึงพอใจในระดับปานกลาง ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 16.24 พึงพอใจน้อย และกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 8.67 ไม่พึงพอใจเลย ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 36.48 พึงพอใจในการทำงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยรวมในระดับมาก ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 33.59 มีความพึงพอใจในระดับปานกลาง ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 20.32 มีความพึงพอใจน้อย โดยที่มีกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 9.61 ไม่พึงพอใจเลย และกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 35.46 มีความพึงพอใจในระดับปานกลางต่อการทำงานของคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 29.34 พึงพอใจมาก ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 24.49 มีความพึงพอใจน้อย และกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 10.71 ไม่มีความพึงพอใจเลย
ในด้านความคิดเห็นต่อการใช้มาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี พ.ศ. 2557 แก้ปัญหาต่างๆนั้น กลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 57.23 มีความคิดเห็นว่าการใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี พ.ศ. 2557 ของนายกรัฐมนตรีมีส่วนทำให้การแก้ไขปัญหาต่างๆมีความรวดเร็วขึ้น ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 32.91 มีความคิดเห็นว่าไม่มีส่วน และกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 9.86 ไม่แน่ใจ
ในด้านความคิดเห็นต่อแนวคิดการออกกฎหมายชะลอการลงโทษผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับคดีทางการเมืองนั้น กลุ่มตัวอย่างถึงเกือบสี่ในห้าหรือคิดเป็นร้อยละ 79.51 ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดการออกกฎหมายชะลอการลงโทษให้กับกลุ่มการเมืองต่างๆเพื่อลดความขัดแย้งสร้างความปรองดองในสังคม ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างมากกว่าสามในสี่หรือคิดเป็นร้อยละ 76.53 มีความคิดเห็นว่าการดำเนินคดีไปตามกระบวนการของกฎหมายกับกลุ่มการเมืองต่างๆจะมีส่วนช่วยสร้างความสงบให้กับประเทศในระยะยาวได้
ข่าวเด่น