พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า แม้ในขณะนี้ประเทศไทยจะเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน ทำให้หลายพื้นที่มีฝนตก ประกอบกับหน่วยฝนหลวงได้เร่งออกปฏิบัติการทำฝนเทียมเมื่อสภาพอากาศอำนวย แต่โดยรวมยังไม่ส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำเพิ่มขึ้นในระดับที่วางใจได้ หรือสามารถปล่อยน้ำให้ประชาชนใช้เพื่ออุปโภคบริโภคหรือทำการเกษตรได้อย่างไม่จำกัด เพราะที่ผ่านมาเราต้องเจอกับสภาพแห้งแล้งมายาวนาน
ล่าสุด มีปริมาณน้ำใช้การได้ในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง รวมกันเพียงร้อยละ 17-18 เท่านั้น ซึ่งรัฐบาลจึงอยากให้ประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรอย่าชะล่าใจ ใช้โอกาสที่ฝนตกลงมาในช่วงนี้ เก็บน้ำไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เพราะไม่อาจคาดการณ์ได้ 100% โดยการขุดบ่อหรือเตรียมพื้นที่รองรับน้ำให้เพียงพอกับที่ดินของตนเอง รวมทั้งวางแผนการเพาะปลูกให้ดี ขณะที่บางพื้นที่เร่งทำนาในช่วงต้นฤดูฝนอาจเสี่ยงต่อการเกิดฝนทิ้งช่วง ต้นข้าวจะได้รับความเสียหาย ซึ่งภาวะฝนทิ้งช่วงมักเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือน มิ.ย.- ก.ค.ของทุกปี ดังนั้นจึงไม่ควรผลีผลามใช้น้ำมาก แต่ควรใช้เท่าที่จำเป็นและกักตุนไว้ หรือปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย ทำรายได้ดีไปอีกสักระยะ
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า หลังจากที่นายกรัฐมนตรีกลับมาถึงประเทศไทย ก็แสดงความเป็นห่วงเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะหลายจังหวัดที่ต้องประสบกับพายุไซโคลนและฝนตกหนัก ทำให้บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างได้รับความเสียหาย จึงขอให้ประชาชนเฝ้าติดตามข่าวสารจากทางการ และระมัดระวังอันตรายจากพายุ พร้อมกำชับหน่วยราชการ ทหาร ฝ่ายปกครอง ให้ดูแลช่วยเหลือประชาชนอย่างใกล้ชิด
นายกฯ ฝากเตือนด้วยว่า ทุกคนยังต้องใช้น้ำอย่างประหยัดและรู้คุณค่า เพราะแม้ฝนจะตกลงมาแล้วแต่เรื่องของธรรมชาติไม่มีใครรู้ล่วงหน้าได้ จึงต้องรู้จักเตรียมการอย่างเหมาะสม ขณะที่รัฐบาลเองยังคงเดินหน้ามาตรการขุดลอกคูคลองหนองบึงที่ตื้นเขิน เพื่อเพิ่มปริมาตรแหล่งเก็บกักน้ำ ทั่วประเทศ และช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งอย่างต่อเนื่อง ตามที่ได้อนุมัติไว้ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ นายกฯ มีกำหนดการเดินทางลงพื้นที่ เพื่อติดตามการแก้ปัญหาภัยแล้ง และมอบหนังสืออนุญาตให้ราษฎรทำกินในที่ดินของรัฐ ที่ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ในวันพุธที่ 25 พ.ค.นี้ด้วย
ข่าวเด่น