ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลุดแนว 1,400 จุด เนื่องจากเป็นการซื้อขายสุดท้ายก่อนวันหยุดยาว อีกทั้งแรงกดดันต่อโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.สูงขึ้น ทำให้กลุ่มพลังงาน / ICT ปรับตัวลง กดดัน SET INDEX ปิดที่ 1,385.86 จุด ลบ 14.64 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 40,088 ล้านบาท
ต่างชาติคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 เพียง 131 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures มากถึง 10,172 สัญญา แต่ซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ 9,379 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
TRUE-T1 ซื้อขายเป็นวันสุดท้าย
ตัวเลขการส่งออกเดือนเม.ย.ของญี่ปุ่นออกมาต่ำกว่าคาด
ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นเด่นในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา กดดันกองทุน REIT / IFF / Property
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลางถึงบวก (วันที่ 5)
เราคาด Downside Risk ตลาดหุ้นไทยยังจำกัด แนวรับ 1,380 จุด จะยังทำงานได้แข็งแกร่ง จากภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป อีกทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกไต่ระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วยทำให้กลุ่มพลังงาน / ปิโตรเคมี ทรงตัวถึงขยับขึ้นได้
แม้ว่าประเด็นที่กดดันจิตวิทยาการลงทุนตลาดหุ้นทั่วโลก จากท่าทีของเฟดที่อาจจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้ในการประชุมเดือนหน้า ก็ไม่น่าจะกระทบต่อพื้นฐานเศรษฐกิจไทยมากนัก เพราะการขึ้นอัตราดอกเบี้ยย่อมทำให้ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่า กดดันให้เงินบาทอ่อนค่า เป็นการช่วยภาคการส่งออกทางอ้อม เพียงแต่กระแสเงินทุนต่างชาติอาจจะประวิงเวลาในการกลับเข้าสะสมหุ้นหลักของไทยในช่วงสั้น เพื่อรอดูทิศทางค่าเงินให้ชัดเจนขึ้น
กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ จึงต้องการมาเน้นหุ้นรายตัว “Stock Selection” กันอีกครั้ง หุ้นที่มีประเด็นเชิงบวกเฉพาะตัวในช่วงสั้น น่าจะเป็นทางเลือกเก็งกำไรได้ สำหรับหุ้นหลัก อย่างกลุ่มปิโตรเคมี เรายังมีมุมมองเป็นบวกจากภาพรวมราคาน้ำมันที่ขยับขึ้น และกลุ่มธนาคารที่ Valuation ต่ำจนอยู่ในกรอบที่น่าสนใจ แรงกดดันต่อการลดอัตราดอกเบี้ยของกนง.ลดลง ประเมินกรอบแกว่ง 1,380-1,395 จุด
Stock Pick of The Day
1. สะสม BEM: ราคาปิด 6.20 บาท ราคาเหมาะสม 6.50 บาท
a) เรามีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงาน BEM ในช่วง 3 ไตรมาสข้างหน้า โดย 2Q59 คาดว่าจะเติบโต qoq จากผลของการ Refinance เงินกู้ได้เต็มไตรมาสเป็นไตรมาสแรก
b) ขณะที่ 3Q59 จะเริ่มรับรู้รายได้จากการบริหารจัดการรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่จะเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 ส.ค. รวมถึงการเปิดให้บริการทางด่วนเส้นศรีรัช เฟสที่ 2 ในเดือนก.ย. และผลของการเปิดให้บริการทั้ง 2 ส่วนจะสะท้อนเต็มไตรมาสใน 4Q59
c) นอกจากนี้ประเด็นที่จะเป็น Upside ต่อประมาณการของเรา และตลาดคือ การเจรจาผู้เดินรถสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายที่ต้องสรุปภายในสิ้นเดือนพ.ค.หรือต้นเดือนมิ.ย.เป็นอย่างช้า ซึ่งยังไม่รวมไว้ในราคาเหมาะสม
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ขายสุทธิต่อเนื่อง อีก US$83 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิเพียง US$18 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติยังคงเลือกลงทุนเป็นรายตัวมากกว่า ให้ภาพตลาดรวม
นักลงทุนต่างชาติคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 แต่เพียง 131 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 903 ล้านบาท ส่งผลให้ต่างชาติยังคงซื้อสุทธิ 12,442 ล้านบาทช่วง YTD
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิมากถึง 10,172 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 10,517 สัญญา น่าจะเป็นการกลับมาเปิดสถานะ Short อีกครั้ง เพราะยอดสุทธิ QTD สถานะกลับมา Short สุทธิ 9,947 สัญญา และกดดันให้ S50M16 กลับมาปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างถึง 4.11 จุด จากวันก่อนหน้า Premium เท่ากับ 0.57 จุด
โดยนักลงทุนกลุ่มนี้น่าจะโยกเงินเข้าพักในตลาดตราสารหนี้ ด้วยการซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ 9,379 ล้านบาท จาก 5 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 20,865 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรไทยลดลงเป็นวันที่ 5 และลดลงแรงต่อเนื่อง โดยพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 4 มากถึง 11.35bps จากวันก่อนหน้าลดลง 4.68bps ปิดที่ 2.119%
Short-Selling วานนี้
ลดลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 927 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,057 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5 ชะลอตัวลง แต่กลับมาเน้นกลุ่มอาหาร – ธนาคาร อีกครั้ง
การซื้อขายผ่าน NVDR คงการซื้อสุทธิอีก 285 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 899 ล้านบาท รวม 5 วันทำการซื้อสุทธิ 3,495 ล้านบาท ทั้งนี้ NVDR กลับมาสะสมหุ้นหลักในกลุ่มอาหาร และธนาคารอีกครั้ง ขณะที่กลุ่มโรงพยาบาลเผชิญกับแรงขายอย่างหนาแน่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง BDMS และ BH
โดยบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 23 พ.ค. 2559
ข่าวเด่น