หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้ ปรับตัวลงทดสอบด่าน 1,380 จุด สอดคล้องกับภาพรวมในเอเชียที่ยังไร้ทิศทาง อย่างไรก็ตาม หุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร ช่วยประคองภาพรวม รวมถึงหุ้นขนาดกลางที่แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 2Q59 ยังเด่น ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,381.69 จุด ลบ 4.17 จุด มูลค่าการซื้อขาย 36,561 ล้านบาท
ต่างชาติคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 เหลือ 451 ล้านบาท แต่กลับ Long สุทธิ SET50 Index Futures เพียง 703 สัญญา ส่วนตลาดตราสารหนี้เป็นการขายสุทธิอีกครั้ง 2,915 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- ติดตามการประชุมครม. อาจมีการพิจารณาโครงการรถไฟรางคู่ 6 เส้นทางที่เหลือ
- ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี เริ่มลดลง ย่อมทำให้กองทุน Property Fund/ REIT / IFF เริ่มทรงตัวได้
- Moody’s ลดอันดับความน่าเชื่อถือ Deutsche Bank
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันแรกในรอบ 6 วันทำการ)
เราปรับลดมุมมองการลงทุนเป็น “กลาง” จากเดิม “กลางถึงบวก” หลัง SET INDEX ไม่สามารถกลับไปยืนเหนือ 1,400 จุดได้ ทำให้ภาพรวมของตลาดหุ้นกลับมาแกว่งในกรอบแคบไปอีกระยะหนึ่ง อีกทั้งปัจจัยทั้งในและต่างประเทศขาดความโดดเด่น ณ ปัจจุบันตลาดกลับมาให้น้ำหนักกับการประชุมเฟดในกลางเดือนมิ.ย. การเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างสินทรัพย์แต่ละประเภทเริ่มไม่ชัดเจน เป็นเพียงการเทรดดิ้งเท่านั้น
สำหรับทิศทางผลตอบแทนพันธบัตรไทย ปรับตัวขึ้นแรงและเร็วในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ปิดวานนี้ที่ 2.078% พันธบัตรไทยอายุ 10 ปี บริเวณ 2.00-2.10% เป็นบริเวณที่เหมาะสมและน่าจะทำให้แรงกดดันต่อกองทุน Property Fund / REIT/ IFF จะทรงตัวได้ดีขึ้น นักลงทุนที่มองหากองทุนปันผลสูง การปรับตัวลงในช่วงนี้จึงเป็นจังหวะของการทยอยสะสมกองทุนเหล่านี้ เพราะปัจจัยพื้นฐาน และความสามารถในการจ่ายเงินปันผลของกองทุนยังไม่เปลี่ยนแปลง
และสืบเนื่องจากประเด็นเดียวกัน เราเชื่อว่ากลุ่มธนาคารจะทรงตัวได้ดีขึ้น เพราะสัญญาณการลดอัตราดอกเบี้ยของกนง.จะเป็นไปได้อย่างจำกัด
กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ เราแนะนำให้กลับมาเน้นเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางอีกครั้ง
Stock Pick of The Day
1. เก็งกำไร BBL: ราคาปิด 154.00 บาท ราคาเหมาะสม 178.00 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และเชื่อว่าหากตัวเลขส่งออก เดือน เม.ย. ที่จะรายงานในวันพรุ่งนี้ ออกมาดีกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ -1.0% yoy จะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร
b) จุดเด่นของ BBL อยู่ที่ Coverage Ratio อยู่ในระดับสูงถึง 175% และลูกค้าหลักเป็นบริษัทขนาดใหญ่ ไม่ใช่ SMEs จึงมีความเสี่ยงของคุณภาพของสินทรัพย์ที่ค่อนข้างต่ำ
c) QTD ใน 2Q59 กลุ่มธนาคารปรับตัวลง -8.9% เทียบกับ SET INDEX ลดลงเพียง -1.8% โดย BBL ปรับตัวลงแรงถึง -14.4% สูงสุดในบรรดาธนาคารขนาดใหญ่ ขณะที่ P/BV59 ต่ำเพียง 0.76x
2. เก็งกำไร IVL : ราคาปิด 29.50 บาท ราคาเหมาะสม 30.00 บาท
a) MBKET คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานปกติ ใน 2Q59 จะขยายตัวเด่น qoq จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากโรงงาน MEG ในสหรัฐฯ ที่ปิดซ่อมบำรุงกลับมาเดินเครื่องตามปกติแล้ว และจะรับรู้รายได้จาก BP Amoco และ CEPSA Spain แบบเต็มไตรมาส
b) และมีโอกาสรับรู้กำไรพิเศษจากการต่อรองราคาซื้อกิจการ CEPSA Spain ช่วยหนุนกำไรสุทธิให้เติบโตสูง yoy
c) คาดกำไรสุทธิปี 2559 เติบโต +28.5% yoy เป็น 8,494 ล้านบาท จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และมี Upside Risk หาก Spread ปิโตรเคมีฟื้นตัวดีกว่าคาด เนื่องจากสมมติฐานปัจจุบันของเราค่อนข้างระมัดระวังและให้ Spread ปิโตรเคมีไว้เพียงแค่ทรงตัวจากปี 2558
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
กลับมาซื้อสุทธิ US$297 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$80 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงไร้ทิศทาง
นักลงทุนต่างชาติคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 451 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 1,485 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD ต่างชาติยังคงซื้อสุทธิ 12,893 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิ 703 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 10,517 สัญญา น่าจะเป็นการกลับมาทยอยปิดสถานะ Short อีกครั้ง ส่งผลให้ยอดสุทธิ QTD สถานะยังคง Short สุทธิแต่ลดลงเล็กน้อยเป็น 9,244 สัญญา เมื่อ S50M16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แต่แคบลงเหลือเพียง 1.00 จุด จากวันก่อนหน้า Discount กว้างถึง 4.11 จุด
และนักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาขายสุทธิตลาดตราสารหนี้ อีกครั้ง แต่ก็เพียง 2,915 ล้านบาทเท่านั้น เมื่อราคาพันธบัตรไทยฟื้นตัวเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ โดยพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ 4.03bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 11.35bps ปิดที่ 2.078%
Short-Selling วานนี้
เพิ่มขึ้นเป็น 1,329 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 927 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 เป็นที่น่าสนใจว่าเน้นสะสมกลุ่มโรงพยาบาล ค้าปลีก และธนาคาร
การซื้อขายผ่าน NVDR คงการซื้อสุทธิเร่งขึ้นเป็น 1,934 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 285 ล้านบาท รวม 6 วันทำการซื้อสุทธิ 5,429 ล้านบาท ทั้งนี้ NVDR สะสมในกลุ่ม Domestic Play อย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มค้าปลีก / โรงพยาบาล / ธนาคาร
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 24 พ.ค. 2559
ข่าวเด่น