บล.โกลเบล็ก มองตลาดหุ้นไทยปัจจัยใหม่หนุนด้านการลงทุน บวกราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงต่อ และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าแตะระดับ 35.8 บาท/ดอลลาร์ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน แถมเฟดส่งสัญญาณชัดเจนที่จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.นี้ คาดดัชนีมีโอกาสอ่อนตัวสู่แนวรับ 1,350 – 1,360 จุด แนะเก็งกำไรหุ้นกลุ่มอาหาร–กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ได้อานิสงส์จากค่าบาทอ่อน ด้านราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวลดลงตัว ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด โดยให้แนวรับ 1,225-1,230 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,285-1,290 เหรียญต่อทรอยออนซ์
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากภาพรวมการท่องเที่ยวไตรมาส 2 ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 7.46 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6.9% สร้างรายได้ 3.55 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8% โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวตลาดอาเซียนมีอัตราการเติบโตสูง
และในเดือนมิถุนายน กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) เตรียมคิกออฟ “ดิจิทัลไทยแลนด์” ลงทุน 20,000 ล้านบาท บรอดแบนด์กว่า 2 แสนกิโลเมตร เข้าถึง 70,000 หมู่บ้าน อีกทั้งที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรกรีซผ่านกฎหมายตัดลดงบประมาณแลกเงินกู้งวดที่ 3 มูลค่า 8 หมื่น 6 พันล้านยูโรโดยกรีซจำเป็นต้องชำระหนี้เป็นจำนวน 300 ล้านยูโรคืนให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และอีก 2.3 พันล้านยูโรให้แก่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในเดือนมิถุนายน
ปัจจัยลบที่ยังคงกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ กรณีราคาน้ำมันปรับตัวลงต่อเนื่องจากอุปทานน้ำมันดิบที่สูงเกินไป และนักลงทุนมีความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้าระหว่าง 14 – 15 มิ.ย. อย่างไรก็ดี ล่าสุดสหรัฐได้เปิดเผยรายงานตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ค.อยู่ที่ 50.5 ลดลงจากระดับ 50.8 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าแสดงถึงการขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลง นอกจากนี้ค่าเงินบาทอ่อนค่าที่สุดในรอบ 3 เดือนแตะ 35.8 บาท/ดอลลาร์ กดดันต่อ Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย
อย่างไรก็ตามก็ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตาคือการประชุมคณะรัฐมนตรีที่อาจพิจารณาโครงการรถไฟรางคู่ และทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่ง(คสช.)จะแถลงผลงาน 2 ปีในรายการ “เดินหน้าประเทศไทย” และ วันที่ 26 พ.ค. ก.พาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้าประจำเดือน ส่วนวันที่ 27 พ.ค. กสทช.เปิดประมูลคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz รอบใหม่ซึ่งมี ADVANC ยื่นเอกสารประมูลรายเดียว พร้อมวางแบงก์การันตี 3.7 พันล้านบาทแล้ว
ด้านนายชัยยศ จิวางกูรผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังขาดปัจจัยใหม่มาสนับสนุน โดยมีปัจจัยลบจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลง ค่าเงินบาทอ่อนค่าที่สุดในรอบ 3 เดือนมาแตะที่ 35.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แม้จะเป็นผลดีต่อการส่งออกและกลับกดดันต่อ Fund Flow ต่างชาติให้ขายสุทธิตลาดหุ้นไทยได้อีก รวมถึงความเป็นไปได้ที่ FED จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบเดือนมิ.ย.
ดังนั้นประเมินว่า SET มีแนวโน้มอ่อนตัวลงโดยมีแนวรับที่บริเวณ 1,350 – 1,360 จุด โดยแนะนำเข้าซื้อในช่วงอ่อนตัวแบบ Selective Buy ได้แก่ กลุ่มส่งออก เช่น กลุ่มอาหาร และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน หุ้นที่จะเข้าคำนวณดัชนี MSCI Global Standard Index รอบใหม่ ได้แก่ ROBINS EGCO และดัชนี MSCI Global Small Cap index ได้แก่ DNA GL S มีผล 31 พ.ค. รวมไปถึงกลุ่มเหล็ก จากราคาเหล็กรีดร้อนปรับตัวขึ้นทำ High ล่าสุด 581 ดอลลาร์/ตัน เพิ่มขึ้น 59% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และราคาน้ำตาลดีดตัวขึ้นล่าสุด 17.3 ดอลลาร์/ตัน
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก จำกัดเปิดเผยว่า ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลง 21 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือคิดเป็น 1.65% ปิดที่ระดับ 1,251 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยมีปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐหลังคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 26-27 เม.ย.โดยระบุว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. หากเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นก่อนหน้าของนายเดนนิส ล็อคฮาร์ทประธานเฟดสาขาแอตแลนตาและนายจอห์น วิลเลียมประธานเฟดสาขาซาน ฟรานซิสโก ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้ รวมถึงนายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานเฟด สาขาริชมอนด์ ที่ออกมาสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มิ.ย.นี้
อีกทั้งสหรัฐรายงานตัวเลขดัชนี CPI ปรับตัวขึ้นมากกว่าคาดในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2556 และรายงานยอดขายบ้านมือสองที่เพิ่มขึ้นในเดือนเม.ย.สู่ระดับสูงสุดในรอบสามเดือน ซึ่งได้จุดกระแสการคาดการณ์ถึงแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดมากขึ้น
ดังนั้นประเมินแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค ปรับลงต่ำกว่าแนวรับเส้น 5 และ 10 วัน ด้วยการสร้างแท่งเทียน BEARISH บวกกับค่าสัญญาณทางเทคนิคที่ปรับลง ทำให้ราคาแนวโน้มปรับตัวลงแต่จะลงไม่มากเนื่องจากแนวโน้มหลักอยู่ในช่วงพักตัวแนวแขน BULLISH FLAG โดยมีแนวรับ 1,225-1,230 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,285-1,290 เหรียญต่อทรอยออนซ์
ข่าวเด่น