รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไทย ปาฐกถาปัจจัยสำคัญ 4 ประการที่ผลักดันให้เกิดผลสำเร็จต่อวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 ในที่ประชุมสมัชชาอนามัยโลก ยึดหลักประชารัฐและนำทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงประยุกต์ใช้ในการพัฒนาประเทศ พร้อมหารือรัฐมนตรีกลุ่มประเทศพันธมิตรเพื่อการต่อสู้กับการดื้อยาต้านจุลชีพ และประธานคณะทบทวนการดื้อยาต้านจุลชีพ สหราชอาณาจักร ผลักดันการดื้อยาต้านจุลชีพ เข้าสู่วาระของการประชุมระดับสูงสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 71 ในเดือนกันยายน 2559 ณ นครนิวยอร์ก
ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมใหญ่สมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 69 ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ภายใต้หัวข้อ “การเปลี่ยนแปลงของโลกสู่วาระการพัฒนาที่ยั่งยืน 2030 (Transforming our World : The 2030 Agenda for Sustainable Development) ว่า ปัจจัยสำคัญ 4 ประการที่ผลักดันให้เกิดผลสำเร็จต่อวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 คือ การให้ความสำคัญต่อกลุ่มผู้ด้อยโอกาส การมีผู้นำที่เป็นแบบอย่างที่จริงจัง การกำหนดนโยบายอยู่บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน รัฐ และทุกภาคส่วนในสังคม หรือประชารัฐ รวมทั้งให้ความสำคัญในการนำทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาประเทศ
นอกจากนี้ ได้หารือเพื่อผลักดันเรื่องการดื้อยาต้านจุลชีพเข้าสู่วาระของการประชุมระดับสูงสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 71 ในเดือนกันยายน 2559 ณ นครนิวยอร์ก ร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กลุ่มประเทศพันธมิตรเพื่อการต่อสู้กับการดื้อยาต้านจุลชีพ (Alliance Champions the fight against Antimicrobial Resistance : AOC) ซึ่งเป็นการดำเนินการตามข้อตกลงความร่วมมือ ในการดำเนินการกลุ่มพันธมิตร AOC-AMR 2015 ของ 14 ประเทศ เพื่อผลักดันให้เกิดความตระหนักในการใช้ยาปฏิชีวนะทั้งในมนุษย์และสัตว์อย่างเหมาะสม ซึ่งนายกรัฐมนตรีไทยให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
และได้หารือกับลอร์ดจิม โอนีล ประธานคณะทบทวนการดื้อยาต้านจุลชีพ (Lord Jim O’Neil, Chair of the Review on AMR) ของสหราชอาณาจักร เพื่อให้เกิดข้อสัญญาทางการเมืองในระดับโลก (Global political commitment) ซึ่งไทยสนับสนุนหลักการ ‘Access, not Excess’ คือ การควบคุมการกระจายและการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเกินความจำเป็น และควรคำนึงการเข้าถึงยาปฏิชีวนะได้อย่างเหมาะสม แต่ไม่เข้าถึงมากจนเกินไปจนก่อให้เกิดปัญหาการดื้อยา โดยขณะนี้ ไทยอยู่ระหว่างการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพของประเทศ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา
ในโอกาสนี้ ยังได้หารือพหุภาคีกับรัฐมนตรีสาธารณสุขของประเทศในกลุ่มภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEARO) ภายใต้การสนับสนุนของ SEARO ในการแลกเปลี่ยนประเด็นการดำเนินงานด้านสาธารณสุขของแต่ละประเทศ ซึ่งไทยเน้นการให้การสนับสนุนด้านสาธารณสุขแก่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกภาคพื้นเอเชียตะวันออก ได้กล่าวชื่นชมประเทศไทยที่ประสบความสำเร็จในการลดการแพร่เชื้อเอดส์จากแม่สู่ลูก เป็นประเทศที่ 2 ของโลก และหารือทวิภาคีกับนายกัน คิม ยอง (Mr.Gan Kim Yong) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ ในประเด็นขอการแสวงหาความร่วมมือเรื่อง แผนการของพฤฒพลังในสิงคโปร์ (Plan on Active Ageing in Singapore) และประเด็นที่ไทยให้การสนับสนุนเรื่องการประเมินเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางสาธารณสุขของสิงคโปร์
ข่าวเด่น