ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 

หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
         
SET INDEX วานนี้ ยังคงแกว่งแคบ 1,380 จุด +/- หุ้นหลักในกลุ่มหลักฟื้นตัว ช่วยประคองภาพรวม เช่น ADVANC / BDMS / BBL/ IVL เป็นต้น รวมถึงหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ MSCI Thailand ขยับเด่น ปิด ณ สิ้นวันอยู่ที่ 1,384.26 จุด บวกเล็กน้อย 2.57 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเพียง 34,089 ล้านบาท
กระแสเงินทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 374 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ง 3,891 สัญญา ส่วนตลาดตราสารหนี้ซื้อสุทธิ 1,036 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
          ติดตามตัวเลขส่งออกเดือนเม.ย. Bloomberg consensus คาด -1.50% yoy 
          ราคาพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ฟื้นตัวเป็นวันที่ 2 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรลดลง 4.01bps ปิดที่ 2.038% คาดแรงกดดันต่อกองทุน Property / REIT / IFF คลายตัวลง
          ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เช้านี้ทะลุ US$49/barrel อีกครั้ง

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 2)
          เราประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX ระหว่าง 1,375-1,390 จุด หุ้น Domestic Play จะแข็งแกร่ง บวกกับ Global Play อย่างน้ำมันดิบที่ราคากลับมาฟื้นตัวเด่นคืนวานนี้ แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะแข็งค่ากระทบราคาสินค้าโภคภัณฑ์อยู่บ้างก็ตาม หากกลุ่มธนาคาร /พลังงาน /ปิโตรเคมี ฟื้นตัว ย่อมทำให้ SET INDEX ในวันนี้มีโอกาสกลับไปทดสอบด่าน 1,390 จุดอีกครั้ง
          สำหรับปัจจัยสำคัญวันนี้อยู่ที่ การส่งออกเดือนเม.ย. ตลาดคาดการณ์ -1.5% yoy หากออกมาใกล้เคียงคาด เราประเมินว่า SET INDEX จะแกว่งแคบต่อเนื่อง แต่หากออกมาเป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 จะเป็นการตอกย้ำเรื่องภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่จะขยายตัว 3.0% พร้อมเปิด Upside ให้กับภาพรวม และสะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ด้วยเช่นกัน 
          อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทย และตลาดหุ้นทั่วโลกจะแกว่ง Sideways เพื่อรอดูตัวเลข GDP ใน 1Q59 รอบที่ 2 ของสหรัฐฯและการปราศรัยของประธานเฟด Janet Yellen ในคืนวันศุกร์ เพื่อประเมินช่วงเวลาของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด 
          กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ เราแนะนำเน้นเก็งกำไรเป็นรายตัวที่มีประเด็นเชิงบวก

Stock Pick of The Day          
          1. เก็งกำไร BBL: ราคาปิด 153.50 บาท ราคาเหมาะสม 178.00 บาท
          a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และเชื่อว่าหากตัวเลขส่งออก เดือน เม.ย. ที่จะรายงานในวันนี้ ออกมาดีกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ -1.0% yoy จะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร 
          b) จุดเด่นของ BBL อยู่ที่ Coverage Ratio อยู่ในระดับสูงถึง 175% และลูกค้าหลักเป็นบริษัทขนาดใหญ่ ไม่ใช่ SMEs จึงมีความเสี่ยงของคุณภาพของสินทรัพย์ที่ค่อนข้างต่ำ 
          c) QTD ใน 2Q59 กลุ่มธนาคารปรับตัวลง -8.8% เทียบกับ SET INDEX ลดลงเพียง -1.7% โดย BBL ปรับตัวลงแรงถึง -14.7% สูงสุดในบรรดาธนาคารขนาดใหญ่ ขณะที่ P/BV59 ต่ำเพียง 0.76x          
          2. เก็งกำไร PTTGC : ราคาปิด 59.00 บาท ราคาเหมาะสม 70.00 บาท
          a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมีจะ Outperform ตลาดในวันนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX เมื่อคืนนี้ปรับตัวขึ้น +1.2% dod เป็น US$48.62/barrel ทำระดับสูงสุดใหม่ของปี 2559
          b) PTTGC เป็นบริษัทที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตเป็น Gas Base ดังนั้น ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีจะเร่งตัวได้เร็วกว่าคู่แข่งซึ่งเป็น Naphtha Base
          c) คาดกำไรสุทธิ 2Q59 จะเติบโตสูง qoq จากส่วนต่างราคา Ethylene – Naphtha เพิ่มขึ้น +14% qoq และ HDPE – Naphtha เพิ่มขึ้น +4.2% qoq และแรงหนุนจากกำไรสต็อกน้ำมัน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบ QTD เพิ่มขึ้นถึง +23% เป็น US$45.48

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
กลับมาขายสุทธิ US$134 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติยังคงเลือกลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
          นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 374 ล้านบาท เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,485 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD ต่างชาติยังคงซื้อสุทธิลดลงเล็กน้อย เป็น 12,519 ล้านบาท
          ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิอีกครั้ง 3,891 สัญญา คาดว่าจะเป็นการกลับมาเปิดสถานะ Short อีกครั้ง ส่งผลให้ยอดสุทธิ QTD สถานะยังคง Short สุทธิขยับขึ้นเป็น 13,135 สัญญา เมื่อ S50M16 กลับมาปิดสูงกว่า SET50 Index เท่ากับ 0.35 จุด เทียบกับวันก่อนหน้า Discount เพียง 1.00 จุด      
          และนักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้ อีกครั้งเพียง 1,036 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาพันธบัตรไทยฟื้นตัวเป็นวันที่ 2 โดยพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงเป็นวันที่ 2 อีก 4.01bps จากวันก่อนหน้าลดลง 4.03bps ปิดที่ 2.038%  

Short-Selling วานนี้ 
ลดลงเหลือ 590 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,329 ล้านบาท           

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 7 แต่เป็นการปรับน้ำหนักระหว่างกลุ่มหลัก 
          การซื้อขายผ่าน NVDR คงการซื้อสุทธิแต่ลดลงเหลือเพียง 84 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,934 ล้านบาท รวม 7 วันทำการซื้อสุทธิ 5,513 ล้านบาท กลับมาเน้นกลุ่มพลังงาน / อาหาร / โรงพยาบาล และขายกลุ่มหลักอื่นๆ  

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
          ตัวเลขขายบ้านใหม่ เดือนเม.ย. ออกมาดีกว่าคาดมาก: เพิ่มขึ้น 6.19 แสนหลัง ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 5.23 แสนหลัง และเดือนก่อนหน้าที่ 5.31 แสนหลัง เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2551 อย่างไรก็ตาม ยอดขายบ้านดังกล่าวกลับส่งผลกระทบเชิงลบต่อปริมาณบ้านใหม่ให้ลดลงแรง 

ยุโรป
          เศรษฐกิจเยอรมันเติบโตเด่น: การลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 1.8% ใน 1Q59 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี นำโดยกิจกรรมการก่อสร้าง เพิ่มขึ้นถึง 2.3% qoq ส่วนการบริโภค เพิ่มขึ้น 0.4% qoq ทำให้ GDP ใน 1Q59 ขยายตัว 0.7% qoq เท่ากับที่ตลาดคาดการณ์ 

จีน          
          ไม่มี

เอเชียแปซิฟิก
          ธนาคารกลางอินโดนีเซียเตรียมผ่อนคลายหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อ: ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาถึงการผ่อนคลายหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อบ้านหลังที่ 2 หรือ อสังหาฯ ที่อยู่ในช่วงก่อนการก่อสร้าง หรืออาจเป็นการขยับอัตราส่วน Minimum loans to funding ratio จากปัจจุบันที่ 78% คาดว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในเดือนหน้า 
          ซาอุฯ เตรียมเสนอแผนใหม่ในการประชุมโอเปกวันที่ 2 มิ.ย.: ข้อเสนอจะเป็นแนวคิดในการควบคุมปริมาณน้ำมันดิบ แทนที่จะเป็นการเร่งขยายกำลังการผลิตเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งในตลาดน้ำมันดิบ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง 
          ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เตรียมยืดเวลาการซื้อขาย: เกาหลีใต้จะยืดเวลาการซื้อขายตลาดหุ้น / ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน/ ตราสารอนุพันธ์ และทองคำ ออกไปอีก 30 นาที เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง และให้เข้าเกณฑ์ MSCI ในตลาดเกิดใหม่ โดยตลาดทั้งหมดจะปิดเวลา 15.30 น. เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 
          เศรษฐกิจสิงคโปร์เติบโตใกล้เคียงคาด: ขยายตัว 1.8% yoy ใน 1Q59 เท่ากับไตรมาสก่อน เทียบกับที่ Bloomberg Consensus คาด +1.9% yoy นอกจากนี้เป็นการเติบโต 0.2% qoq ขณะที่ตลาดคาด +0.6% qoq อย่างไรก็ตามเป็นการเติบโตดีกว่าที่ทางการประเมินไว้เมื่อเดือน เม.ย. ว่าเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 1 จะทรงตัว 0% ทั้งนี้ภาคการผลิตและก่อสร้างขยายตัว 23.3% และ 10.5% ขณะที่ภาคการเงินและประกันภัยหดตัว 15.2% เช่นเดียวกับค้าปลีกและส่งที่หดตัว 10.3%

ไทย
          ไม่มี


โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 25 พ.ค. 2559
 

บันทึกโดย : วันที่ : 25 พ.ค. 2559 เวลา : 10:13:52

24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 3:14 pm