ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
เตือน!!ดื่มน้ำอัดลม เครื่องดื่มชาเขียว กาแฟสด ชาชง เสี่ยงโรคอ้วน เบาหวาน


 


กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เตือน ผู้ที่ชอบดื่มน้ำอัดลม เครื่องดื่มชาเขียว กาแฟสด ชาชง เสี่ยงโรคอ้วน เบาหวาน และอาจนำไปสู่ภาวะความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ แนะ สั่งหวานน้อย ลดกินหวานให้เป็นนิสัย

ทันตแพทย์สุธา เจียรมณีโชติชัย รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ผลการศึกษาโดยเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน ในปี 2557 พบว่า เด็กอายุ 2-5 ปีร้อยละ 64 บริโภคน้ำตาลมากกว่า 8 ช้อนชาต่อวัน โดยแหล่งอาหารที่เป็นที่มาสำคัญของการได้รับน้ำตาลมากเกินของเด็กไทย ได้แก่ น้ำอัดลมและนมเปรี้ยว และจากข้อมูลการเฝ้าระวังติดตามการเจริญเติบโตในเด็กนักเรียนอายุ 6 – 18 ปี จำนวน 2,546,714 คนทั่วประเทศของกรมอนามัย ปี 2557 พบว่า นักเรียนมีภาวะเริ่มอ้วนและอ้วน จำนวน 242,900 คน คิดเป็นร้อยละ 9.5
 
 
ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบให้มีภูมิต้านทานโรคต่ำ ติดเชื้อได้ง่าย นอกจากนี้ ข้อมูลของGlobal Agricultural Information Network ปี 2557 พบว่า คนไทยบริโภคน้ำตาล 28.4 ช้อนชาต่อวัน ซึ่งสูงกว่าคำแนะนำถึง 4.7 เท่า การได้รับปริมาณน้ำตาลมากเกินความจำเป็นจะทำให้ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญหรือนำไปใช้ไม่หมด กลายเป็นไขมันสะสมในร่างกาย เป็นอีกหนึ่งสาเหตุให้ร่างกายหลั่งสารอินซูลินออกมามากเกินจำเป็น ในระยะยาวร่างกายจะผลิตอินซูลินได้น้อยลง หรืออินซูลินที่ผลิตออกมาด้อยประสิทธิภาพจนทำให้ร่างกายเกิดโรคเบาหวานและโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอื่นๆ ตามมา
 
 
 
        
ทันตแพทย์สุธา กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีเครื่องดื่มรสหวานในท้องตลาดหลายชนิดที่ได้รับความนิยม เช่น น้ำอัดลม เครื่องดื่มชาเขียว น้ำสมุนไพร น้ำผลไม้พร้อมดื่ม และเครื่องดื่มกาแฟสด ซึ่งเครื่องดื่มรสหวานเหล่านี้จะมีส่วนประกอบของน้ำตาลปริมาณมากเกินปริมาณที่แนะนำต่อวันคือไม่เกิน 24 กรัม หรือ 6 ช้อนชา โดยน้ำอัดลมชนิดน้ำดำกระป๋องปริมาณ 325 มิลลิลิตร มีน้ำตาลประมาณ 31 กรัม หรือ 8 ช้อนชา ต้องใช้เวลาเผาผลาญด้วยการเดินอย่างน้อย 18 นาที หรือเดินขึ้นบันไดหรือวิ่งเหยาะอย่างน้อย 12 นาที
 
น้ำอัดลมน้ำสีและน้ำใสกระป๋องปริมาณ 325 มิลลิลิตร มีน้ำตาลประมาณ 39 กรัม หรือ 10 ช้อนชา ต้องใช้เวลาเผาผลาญด้วยการเดินอย่างน้อย 22 นาที หรือเดินขึ้นบันไดหรือวิ่งเหยาะอย่างน้อย 16 นาที เครื่องดื่มชาเขียวน้ำผึ้งมะนาวขวดปริมาณ 420 มิลลิลิตร มีน้ำตาลประมาณ 49 กรัมหรือ 12 ช้อนชา ต้องใช้เวลาเผาผลาญด้วยการเดินอย่างน้อย 27 นาที หรือเดินขึ้นบันไดหรือวิ่งเหยาะอย่างน้อย 19 นาที
 
เครื่องดื่มสมุนไพรปริมาณ 380 มิลลิลิตร มีน้ำตาลประมาณ 40 กรัม หรือ 10 ช้อนชา ต้องใช้เวลาเผาผลาญด้วยการเดินอย่างน้อย 22 นาที หรือเดินขึ้นบันไดหรือวิ่งเหยาะอย่างน้อย 16 นาที และกาแฟสดหรือชาชงแก้วขนาดกลาง มีน้ำตาลประมาณ 9 - 10 ช้อนชา ต้องใช้เวลาเผาผลาญด้วยการเดินอย่างน้อย 20 - 22 นาที หรือเดินขึ้นบันไดหรือวิ่งเหยาะอย่างน้อย 14 - 16 นาที
        
 "นอกจากเครื่องดื่มต่างๆ ที่มีการเติมน้ำตาลจำนวนมากแล้ว อาหารจำพวกขนมหวาน ลูกกวาด และอาหารอื่นๆ ก็มีน้ำตาลแทรกอยู่ ดังนั้น ควรเริ่มต้นกินหวานให้น้อยลงสั่งหวานน้อยเป็นประจำให้เป็นนิสัย เป็นการสร้างความเคยชินในการรับรสตัวเองและกลายเป็นคนไม่ติดหวาน ลดการเติมน้ำตาลทุกครั้งทั้งในอาหารคาว อาหารหวาน แม้กระทั่งการปรุงรสก๋วยเตี๋ยวก็ไม่มีความจำเป็นต้องเติมน้ำตาลหรือเครื่องปรุงรสอื่นเพิ่มอีก หรือหากมื้อใดที่รู้ว่ากินอาหารที่มีน้ำตาลไปแล้วก็ควรลดในมื้อต่อไป แต่พยายามควบคุมการกินน้ำตาลแต่ละวันให้ไม่เกิน 6 ช้อนชาจะดีกว่าและกินอาหารธรรมชาติเป็นหลัก เช่น หากรู้สึกอยากกินขนมหวาน ให้กินผลไม้ทดแทน หรือหากรู้สึกอยากน้ำหวานลองเลือกเป็นน้ำผลไม้สดทดแทน” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด



 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 26 พ.ค. 2559 เวลา : 13:02:01

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 2:46 am