ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
สศอ.เผยดัชนีผลผลิตอุตฯเดือน เม.ย.ขยายตัว 1.54%


 


นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า  ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ภาพรวมเดือน เมษายน 2559 มีอัตราการขยายตัวต่อเนื่อง 1.54  % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการผลิตของอุตสาหกรรมหลักสำคัญ ประกอบด้วย อุตสาหกรรมรถยนต์,อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์, อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า, อุตสาหกรรมน้ำมันปิโตรเลียม ปรับตัวเพิ่มขึ้น  ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 58.43 ลดลงจากเดือนมี.ค.59 ที่อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 72.79 ปัจจัยสำคัญมาจากการลดลงของการส่งออกและอีกส่วนมาจากเม.ย.มีวันทำการน้อยแต่หากเทียบกับเม.ย.58 มีอัตราที่เพิ่มขึ้น

อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมรถยนต์ การผลิตรถยนต์เดือนเมษายน ปี 2559 มีจำนวน 138,237 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 11.51 % โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของตลาดในประเทศ เนื่องจากผู้ประกอบการบางรายเร่งผลิตรถยนต์ PPV ให้ทันต่อความต้องการของตลาด อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.84 %  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอุตสาหกรรมไฟฟ้าปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.36% ได้แก่ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนคอนเดนซิ่ง เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนแฟนคอยล์ยูนิต คอมเพรสเซอร์ หม้อหุงข้าว สายไฟฟ้า และเครื่องรับโทรทัศน์ และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น1.91% โดย Other IC เพิ่มขึ้น 9.43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเป็นชิ้นส่วนสำคัญในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ โดยการส่งออกไปสหภาพยุโรป (อียู) ญี่ปุ่น และจีน เพิ่มขึ้น

อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า ผลผลิตเดือนเมษายน ปี 2559เพิ่มขึ้น 5.31% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการบริโภคเหล็กของไทยเดือนเมษายน ปี 2559 เพิ่มขึ้น 45.7% ส่งผลให้ผู้ผลิตเพิ่มการผลิต ทั้งเหล็กทรงยาว เช่น เหล็กเส้น เหล็กลวด ลดลง และเหล็กทรงแบน เช่น เหล็กแผ่นรีดร้อน เหล็กแผ่นรีดเย็น อุตสาหกรรมน้ำมันปิโตรเลียม จากสินค้าน้ำมันแก็สโซฮอล 91 และน้ำมันแก็สโซฮอล 95 เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำมันปรับตัวลดลง และผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐผ่านมาตรการกินเที่ยวทำให้มีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น
         
อุตสาหกรรมอาหาร แม้การผลิตและการส่งออกในภาพรวมเดือน เม.ย.59 ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 14.6% และ 5.3% ตามลำดับเนื่องจากการผลิตสินค้ากลุ่มน้ำตาลที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง แต่ปริมาณการผลิตและการส่งออก สินค้าผักผลไม้ ปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.7% และ 14.2% ตามลำดับ เนื่องจากการผลิตน้ำผลไม้จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นของประเทศผู้นำเข้าเช่น สหรัฐอเมริกา และเนเธอร์แลนด์ รวมถึงผลไม้สดแช่เย็นแช่เข็งที่มีการผลิตและคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น จากการเข้าสู่ฤดูกาลออกผลผลิต เช่น ทุเรียน ซึ่งคำสั่งซื้อของประเทศผู้นำเข้าอย่าง จีน ฮ่องกง และเวียดนามเพิ่มขึ้น







 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 31 พ.ค. 2559 เวลา : 14:39:26

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 3:06 am