นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ MAX เปิดเผยว่า ได้มีการชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมต่อตลาดหลักหลักทรัพย์ สืบเนื่องจาก ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทครั้งที่ 5/2559 เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2559 มีมติกำหนดให้มีการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2559 ในวันพฤหัสบดีที่ 14 ก.ค. 2559 เวลา 14.00 น. ณ ห้องราชเทวี 1โรงแรมเอเชีย เลขที่ 296 ถนนพญาไท เขตราชเทวี กทม. เพื่ออนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก24,976 ล้านบาท เป็น 45,304 ล้านบาท โดยออกหุ้นเพิ่มทุน 20,328 ล้านหุ้น (พาร์ 1 บาท) ตามที่ได้แจ้งข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์ไปเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2559 นั้น
บริษัทมีแผนที่จะใช้เงินเพิ่มทุน เพื่อเป็นเงินทุนสำรองในการขยายธุรกิจใหม่ในอนาคตทั้งการลงทุนในธุรกิจพลังงานทางเลือก ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัทในปัจจุบันที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีและเป็นที่น่าพอใจ ให้กับบริษัทและผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาว โดยโครงการในอนาคตจะนำมาซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นและส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัทปรับตัวได้ดีขึ้น ที่สำคัญคือจะเป็นประโยชน์สูงสุดแก่บริษัทและผู้ถือหุ้น
สำหรับโครงการที่บริษัทกำลังเจรจาอยู่ เพื่อกระจายฐานรายได้ และสร้างให้มีกำไรอย่างสม่ำเสมอนั้นเป็นโครงการโรงไฟฟ้า SPP จำนวน 1-3โรง มีกำลังการผลิตไฟฟ้าโรงละไม่เกิน 120 MW มีมูลค่าการลงทุนในสินทรัพย์ ประมาณ 5,000-14,000 ล้านบาท จากการประเมินมูลค่ากิจการสุทธิ (Equity Value) เบื้องต้นจะอยู่ที่ประมาณโรงละ 2,000 ล้านบาท สำหรับสัดส่วนการลงทุนในแต่ละโรงอยู่ระหว่างการเจรจา โดยบริษัทจะปฏิบัติตามกฏระเบียบของตลท. อย่างเคร่งครัด
ปัจจุบัน โรงไฟฟ้าดังกล่าวบางโรงได้เริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว อีกส่วนหนึ่งจะใช้เงินในการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่มีมูลค่าสินทรัพย์ประมาณ 650 ล้านบาท อาจจะต้องมีการลงทุนเพิ่มในโครงการดังกล่าวเพื่อเพิ่มรายได้อีก 200-300 ล้านบาท และลงทุนในโครงการคอนโดมิเนียมเพื่อขายปัจจุบันได้ก่อสร้างเสร็จแล้วประมาณ 70-80% มียอดขายแล้ว 40-50% โดยจะมีรายได้จากการขายประมาณ 370 ล้านบาทซึ่งคาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จและสามารถรับรู้รายได้ภายในปี 2559 นี้
ผลกระทบกรณีที่บริษัทไม่สามารถระดมทุนได้ บริษัทจะขาดการรับรู้รายได้ประมาณ 1,500-2,000ล้านบาทต่อปี และขาดการรับรู้กำไรอีก 150-200ล้านบาทต่อปี แต่บริษัทก็จะนำเงินเพิ่มทุนส่วนที่เหลือมาลงทุนในทางเลือกที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์สูงสุด คาดว่าจะใช้สำหรับทำโครงการโรงไฟฟ้าเป็นหลักซึ่งจะสามารถทำให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น 40-50 ล้านบาทต่อปี
ข่าวเด่น