นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน และโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติให้คงราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) สำหรับเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 20.29 บาท/กิโลกรัม แม้จะมีต้นทุนเฉลี่ยการจัดหา LPG ทั้งระบบเพิ่มขึ้นจากค่าเงินบาทอ่อนค่าลงก็ตาม แต่เนื่องจากฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของ LPG ยังคงมีเสถียรภาพ จึงให้กองทุนน้ำมันฯเข้ามารับภาระการชดเชย LPG เพิ่มขึ้นเพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาขายปลีก
จากสถานการณ์ราคา LPG ตลาดโลก (CP) เดือนมิ.ย. อยู่ที่ระดับ 344 เหรียญสหรัฐ/ตัน ลดลงจากเดือนก่อน 3 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยเดือนพ.ค.อ่อนค่าลงจากเดือนก่อน 0.3569 บาท/เหรียญสหรัฐ มาอยู่ที่ 35.6151 บาท/เหรียญสหรัฐส่งผลให้ราคาต้นทุนเฉลี่ยการจัดหา LPG ทั้งระบบ ซึ่งเป็นราคาซื้อตั้งต้นของ LPG (LPG Pool) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.0061 บาท/กิโลกรัม จาก 13.9089 บาท/กิโลกรัม เป็น 13.9150 บาท/กิโลกรัม แต่เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีก LPG ในประเทศ ประกอบกับฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของ LPG ยังคงมีเสถียรภาพ
ดังนั้น ที่ประชุมกบง.จึงเห็นควรให้คงราคาขายปลีก LPG สำหรับเดือนมิ.ย.ไว้ในระดับเดิม โดยให้กองทุนน้ำมันฯ รับภาระชดเชยเพิ่มขึ้นอีก 0.0061 บาท/กิโลกรัม จากเดิมชดเชย 0.5899 บาท/กิโลกรัม เป็นการชดเชยที่ระดับ 0.5960 บาท/กิโลกรัม โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 มิ.ย.เป็นต้นไป
การปรับเพิ่มอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯดังกล่าว ทำให้กองทุนน้ำมันฯในส่วนของ LPG มีรายจ่ายประมาณ 198 ล้านบาท/เดือน โดยฐานะสุทธิของกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 29 พ.ค. อยู่ที่ 44,843 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีของ LPG อยู่ที่ 7,504 ล้านบาท และบัญชีน้ำมันสำเร็จรูป อยู่ที่ 37,339 ล้านบาท
ข่าวเด่น